[เล่มที่ 45] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 468
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า นักปราชญ์ปรารถนาสุข ๓ ประการ คือ ความสรรเสริญ ๑ การได้โภคทรัพย์ เครื่องปลื้มใจ ๑ ความบันเทิงในสวรรค์ ในโลกหน้า ๑ พึงรักษาศีล ถ้าว่าบุคคล แม้ไม่กระทำความชั่ว แต่เข้าไปเสพบุคคล ผู้กระทำความชั่วอยู่ไซร้ บุคคลนั้น เป็นผู้อัน บุคคลพึงรังเกียจในเพราะความชั่ว และโทษของบุคคลผู้เสพคนชั่วนี้ ย่อมงอกงาม.
บุคคลย่อมกระทำบุคคลเช่นใดให้ เป็นมิตร และย่อมเข้าไปเสพบุคคลเช่นใด บุคคลนั้นแล เป็นผู้เช่นกับด้วยบุคคลนั้น เพราะว่าการอยู่ร่วมกันเป็นเช่นนั้น คนชั่ว ซ่องเสพบุคคลอื่น ผู้บริสุทธิ์โดยปกติอยู่ ย่อมทำบุคคลอื่น ผู้บริสุทธิ์ โดยปกติที่ ซ่องเสพตน ให้ติดเปื้อนด้วยความชั่ว เหมือนลูกศรที่แช่ยาพิษถูกยาพิษติดเปื้อนแล้ว ย่อมทำแล่งลูกศรซึ่งไม่ติดเปื้อนแล้ว ให้ติดเปื้อนด้วยยาพิษ ฉะนั้น.
นักปราชญ์ไม่พึงเป็นผู้มีคนชั่วเป็น เพื่อนเลย เพราะความกลัวแต่การเข้าไป ติดเปื้อน คนใดห่อปลาเน่าไว้ด้วยใบหญ้าคา แม้หญ้าคาของคนนั้นย่อมมีกลิ่นเหม็น ฟุ้งไป การเข้าไปซ่องเสพคนพาล ย่อมเป็นเหมือนอย่างนั้น ส่วนคนใดห่อกฤษณา ไว้ด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ของคนนั้นย่อมมี กลิ่นหอมฟุ้งไป การเข้าไปซ่องเสพ นักปราชญ์ย่อมเป็นเหมือนอย่างนั้น เพราะ เหตุนั้น บัณฑิตรู้ความสำเร็จผลแห่งตน ดุจห่อใบไม้แล้ว ไม่พึงเข้าไปเสพอสัตบุรุษ พึงเสพสัตบุรุษ เพราะว่าอสัตบุรุษ ย่อมนำไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมให้ถึงสุคติ. เนื้อความแม้นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนั้นแล.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น