สติเกิดโดยมีอะไรเป็นปัจจัยทำให้เกิด และปัญญามีอะไรเป็นปัจจัยทำให้เกิดครับ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสติมีอยู่ เช่น การศึกษาธรรม การฟังธรรม การสนทนาธรรม การคบมิตรที่ดี เป็นต้น ในปัญญาสูตร ทรงแสดงเหตุปัจจัยทำให้เกิดปัญญา และปัญญาที่เกิดแล้วย่อมเจริญขึ้นด้วยเหตุหลายๆ อย่าง เมื่อปัญญาเกิดขึ้นสติย่อมร่วมด้วยเสมอ โปรดอ่านเหตุเกิดปัญญาโดยตรงจากพระไตรปิฎก
เชิญคลิกอ่าน ...
ปัญญาเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ [ปัญญาสูตร]
กุศลทุกอย่างเป็นปัจจัยให้สติเกิด สติ ได้แก่ ความไม่หลง ความระลึกได้ ความคิดที่เป็นไปในกุศล 10 อย่าง เช่น ระลึกในการให้ การสงเคราะห์ช่วยเหลือ การอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ การฟังธรรม ความเห็นถูก ฯลฯ ปัญญา ได้แก่ ความรู้ ความรู้ทั่ว รู้ชัดในสภาพธรรมตามความเป็นจริง ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญญา คือ การคบสัตบุรุษ การฟังธรรม การสอบถาม การพิจารณาธรรม ฯลฯ
การได้ฟังธรรมะที่ท่านอาจารย์สุจินต์และวิทยากรหลายท่านบรรยายและสนทนาร่วมกัน การได้อ่านข้อมูลและความคิดเห็นที่ถูกต้องและหลากหลายบนเวปที่นี่ นำไปพิจารณาและวิเคราะห์ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้สติและปัญญาเกิดได้ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย สภาพธัมมะทุกอย่าง ย่อมอาศัยเหตุปัจจัยให้เกิด สติและปัญญาก็เช่นกัน ย่อมมีเหตุปัจจัยให้เกิดสติ และปัญญามีหลายระดับ เช่น สติขั้นทาน (ระลึกในการให้) สติขั้นศีล (ระลึกที่จะงดเว้นไม่ทำบาป) สติขั้นสมถะ (ระลึกที่จะมีเมตตา) สติขั้นสติปัฏฐาน (วิปัสสนา) ระลึกสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ การคบสัตบุรุษ และฟังธรรมจากสัตบุรุษ ก็ย่อมเป็นปัจจัยให้สติเกิด ถ้าเราฟังธรรมเรื่องทาน สติก็เกิดที่จะน้อมไปในเรื่องการให้ทาน ถ้าเราฟังธรรมในเรื่องศีล สติก็ย่อมน้อมไปในเรื่องการงดเว้นที่จะทำบาป (ศีล) ถ้าเราฟังธรรมในเรื่อง สติปัฏฐานคือ เรื่องสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ก็เป็นปัจจัยให้สติเกิด ซึ่งเป็นขั้นวิปัสสนาสามารถดับกิเลสได้
ดังนั้นเหตุปัจจัยให้เกิดสติ ซึ่งในที่นี้จากคำถาม คงหมายถึง สติและปัญญาที่เป็นไปในเรื่องการเจริญวิปัสสนาก็คือ การฟังธรรมเรื่อง สภาพธัมมะที่มีจริงในขณะนี้ ว่าธรรมคืออะไร อยู่ในขณะไหน และรู้ได้ไหมในขณะนี้ ถ้าเราฟังธรรมเรื่องนี้จนเข้าใจ รู้ว่าธรรมคืออะไร และธรรมอยู่ในขณะไหน เมื่อเข้าใจ คำว่าเข้าใจ ก็คือ ปัญญานั่นเองที่เข้าใจ อันเนื่องมาจากการฟัง เมื่อปัญญาและสติขั้นการฟังมีขึ้น ก็ย่อมจะน้อมไปให้สติและปัญญาขั้นวิปัสสนาคือ สติปัฏฐาน ระลึกสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ว่า เป็นธรรมไม่ใช่เราครับ
ดังนั้น เหตุปัจจัยให้สติและปัญญา (วิปัสสนา) เกิดคือการฟังสภาพธัมมะที่มีจริงในขณะนี้ว่า ธรรมคืออะไร อยู่ขณะไหน และจะรู้ได้อย่างไร พร้อมๆ กับ การเจริญกุศลทุกๆ ประการ ก็ย่อมเป็นปัจจัยให้สติ และปัญญาเกิดขึ้นได้ครับ แต่ต้องไม่ลืมเสมอนะว่าต้องเริ่มจากการฟังให้เข้าใจก่อนครับ เรื่อง เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดสติ และปัญญา
เชิญคลิกอ่าน เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิด สติและปัญญา [ตัณหาสูตร]
กำลังจะตั้งกระทู้ถามเรื่องสติพอดี ขอรวบเข้ามาถามในกระทู้นี้แล้วกันนะครับ
ผมมีข้อสงสัยหลายข้อที่ว่า อกุศลจิตที่เกิดที่ชวนวิถีจิตซ้ำกันถึง ๗ ขณะ ต่อจากนั้นก็เป็นตทาลัมพณะจิตเกิดต่อ และดับไป ก็เป็นอารมณ์ของสติได้ จากข้อความนี้ แสดงว่า สติที่เกิดขึ้นกับจิตดวงหนึ่งๆ โดยมีอกุศลจิตที่เกิดดับไปก่อนหน้าเป็นอารมณ์ได้นั้น
๑. เกิดทางมโนทวารหรือไม่
๒. ก่อนสติเจตสิกนั้นจะเกิดร่วมกับจิต และรับรู้อารมณ์เดียวกับจิต มีภวังคจิตเกิดคั่นก่อนเสมอหรือไม่
๓. สติเจตสิกที่เกิดนั้นจะต้องเกิดกับจิตอีกดวงหนึ่ง ที่มีชาติกุศล หรือไม่
๔. ถ้าเกิดว่า ก่อนหน้าที่สติจะเกิดกับจิต ไม่มีอกุศลจิตเกิดเลย อารมณ์ของสติเจตสิก และจิตที่รู้นั้น จะเป็นจิตชาติกุศล ชาติวิบาก หรือชาติกริยาได้หรือไม่
บางข้อพอตอบเองได้ แต่ขอเรียนถามเพื่อย้ำความเข้าใจเดิมครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยหยิบยกพระธรรมในพระไตรปิฎก มาให้ได้อ่านประกอบใน
ทุกคำถาม ยอมรับครับว่า ยังมีความไม่รู้อีกมากมาย แต่ไม่เคยหน่ายในพระธรรมเลย
ขออนุโมทนาในความช่วยเหลือบรรเทาข้อสงสัยความไม่รู้จากทุกท่านจริงๆ ครับ
โยโสมนัสสิการ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสติสัมปชัญญะใช่ไหมครับ
เพราะการนำมาน้อมนึกตรึกตรองอย่างแยบคายก็เป็นบ่อเกิดแห่งสติและปัญญาใช่ไหมครับ
จากความเห็นที่ ๖
๑. สติเกิดขึ้นทางมโนทวาร เพราะขณะนั้นมีนามธรรมคืออกุศลจิตเป็นอารมณ์
๒. สติเจตสิกเกิดร่วมกับโสภณจิตทุกขณะ รู้อารมณ์เดียวกันโดยไม่ต้องมีภวังค์คั่น
๓. ตามข้อ ๒. ๔. อารมณ์ของสติเป็นจิตชาติกุศล อกุศล วิบาก กิริยา หรือรูปก็ได้ ตามฐานะ
จากความเห็นที่ ๗ โยนิโสมนสิการ เป็นปัจจัยให้สติสัมปชัญญะเกิดได้ ตามพระบาลีว่า เพราะมีโยนิโสมนสิการ กุศลที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้น ที่เกิดแล้วย่อมเจริญไพบูลย์
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 94
๗. ปฐมโยนิโสมนสิการสัมปทาสูตร โยนิโสมนสิการเป็นเหตุให้เกิดอริยมรรค
[๑๗๒] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่เล็งเห็นธรรมอันอื่นแม้สักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เหมือนความถึงพร้อมแห่งการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘. ฯลฯ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตรตรัยและขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ