ถ. อย่างผมนี้ จะเหมาะกับกัมมัฏฐานอย่างไหน
สุ. มีตัณหาไหม ต้องถามก่อน มีทิฏฐิไหม เจริญกายนุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนานุปัสสนาสติปีฏฐาน จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ถ. อย่างนี้ให้หมดเลยเหมือนกัน ที่จริงในสติปัฏฐานนี้ ถ้าอ่านจริงๆ แล้วทุกบรรพถึงนิพพานหมด ถึงพระอรหันต์หมดทุกบรรพ ท่านควรจะแบ่งให้ง่ายสำหรับผมหน่อย ในข้อที่ว่า ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ผมเข้าใจว่าจะมีหลายชั้น อาจารย์ควรจะแนะนำให้การปฏิบัติวิปัสสนาเบื้องต้นเป็นหัวข้อ ขอ ๔-๕ หัวข้อก็ยังดี โดยเฉพาะเจาะจง
สุ. สมมติว่า แนะนำให้จดจ้องที่นามหนึ่งนามใด รูปหนึ่งรูปใด จะมีความต้องการนามนั้นรูปนั้นไหม มีความต้องการที่จะจดจ้องอยู่เฉพาะนามนั้นรูปนั้นไหม
ถ. ถูกครับ มีความจดจ้องต้องการแน่ มีมานานแล้วด้วย อยากจะไปนิพพานมานับเป็นเวลา ๑๐ ปีแล้ว แต่ความเข้าใจของผม คือ ตัวเจตนามีมาก่อน แต่เวลาปฏิบัติเราต้องเลิกเจตนานั้น ต้องโยนิโสใหม่ในขณะที่ปฏิบัติเจริญองค์มรรค เพราะในองค์มรรคไม่มีเจตนาอยู่เลย เพราะฉะนั้น ทุกอย่างเราเตรียมได้เต็มที่ อย่างพระพุทธเจ้าท่านเตรียม ๔ อสงไขยแสนกัป ท่านเตรียมตัวกว่าจะพัฒนาการไปได้ เรามุ่งอันนั้นก็สำเร็จได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องมุ่งทั้งหมดตามที่ผมเข้าใจ
สุ. แต่ถ้าต้องการเจริญปัญญาแล้ว ปัญญาต้องเกิด ปัญญารู้อะไร ถ้าไม่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจตามความเป็นจริงในขณะนี้ เพราะพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้แจ้ง ทรงแสดงหนทางที่จะให้รู้สิ่งที่กำลังปรากฏ และพระอริยสาวกก็ดำเนินปฏิบัติตาม และได้รู้แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงด้วย เพราะฉะนั้น ปัญญาต้องรู้อย่างนี้ ต้องรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ แล้วมหาสติปัฏฐานก็มี ๔ กาย เวทนา จิต ธรรม สติของใครจะระลึกทางตา สติของใครจะระลึกทางกาย ไม่มีกฎเกณฑ์ เพราะเป็นเรื่องของปัญญาจะต้องรู้ชัด เพื่อละคลายการยึดถือว่าเป็นตัวตน
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 118