ถ. ขณะที่กำลังเห็นจะเจริญสติปัฏฐานอย่างไร
อ. ขณะที่กำลังเห็นก็ระลึกรู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏ ให้เห็นเป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่งที่เพียงปรากฏทางตาเท่านั้น จะเห็นเป็นผม จะเห็นเป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ เป็นเสาเป็นศาลา เป็นอะไรก็ตามความจริงแล้วก็เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ไม่ปรากฏทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายเลย เมื่ออบรมเจริญปัญญายังไม่ถึงขั้นนามรูปปริจเฉทญาณ ก็เป็นนามรูปปริจเฉทญาณไม่ได้
ถ. กระผมขอเรียนว่า เมื่อได้รับหนังสือธรรมปฏิบัติในชีวิตประจำวันแล้วผมอ่านไม่รู้กี่จบครับ ๗-๘ จบ อยากจะปฏิบัติให้ได้ แต่มันเป็นตัวเราเสียทุกที ทางตาก็เราเห็น ไม่ใช่สีเป็นรูป เห็นเป็นนาม นึกๆ ไปมันก็แพร่สะพัดไปหมดครับ ไม่กระจายหรือไม่เป็นเฉพาะประตู ไม่เข้านามรูปอย่างที่ว่านี้ขอให้อธิบายอีกทีเถอะครับ
อ. ขณะที่เห็นทางตา ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏตามปกติขณะนั้นได้ไหม ข้อสำคัญประการแรกก็คือ จะต้องรู้ว่าการอบรมเจริญความรู้จนถึงความสมบูรณ์ของปัญญาที่เป็นนามรูปปริจเฉทญาณนั้น ต้องเริ่มจากสติระลึกศึกษาลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏทางหนึ่งทางใดก็ตามปกติไม่ใช่โดยขั้นการฟัง และไม่ใช่พอเห็นก็เริ่มกระวนกระวาย กระสับกระส่ายนึกกระจัดกระจายว่า สิ่งที่กำลังปรากฏเป็นรูป และสภาพที่กำลังเห็นเป็นนามขณะนั้น ไม่ใช่การระลึกศึกษาลักษณะที่เป็นนามธรรมและลักษณะที่เป็นรูปธรรม
การที่สติปัฏฐานจะเกิดได้นั้นจะต้องเข้าใจลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมอย่างถูกต้องก่อนว่านามธรรมที่กำลังเห็นนั้นเป็นสภาพรู้ ไม่มีรูปร่าง ตัวตนไม่ต้องเอาแขน ขา มือ เท้ามาประกอบรวมกันเป็นท่าทางว่ายืน แล้วเห็น นั่งแล้วเห็น นอนแล้วเห็น สติปัฏฐานระลึกรู้เฉพาะอาการที่กำลังเห็นจริงๆ ว่าเป็นสภาพรู้ชนิดหนึ่ง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์บุคคลใดๆ ทั้งสิ้น และขณะที่สติปัฏฐานเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของรูปที่ปรากฏทางตานั้นก็พิจารณาศึกษาเข้าใจ จนกว่าจะรู้ว่าเป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่งไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคลใดๆ ทั้งสิ้น
ขออนุโมทนาครับ