ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สรุปสาระสำคัญของการสนทนาพระสูตร
"ตติยสัทธัมมสัมโมสสูตร"
(ว่าด้วยเหตุเสื่อมและไม่เสื่อมแห่งพระศาสนา)
ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันเสาร์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๐
----------------
~ พระพุทธศาสนา คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เปลี่ยน, ไม่ใช่คำสอนของคนอื่น แต่เป็นคำสอนที่เกิดจากการทรงตรัสรู้ในสภาพธรรมสิ่งที่มีจริง แล้วทรงสอนเพื่อให้ผู้อื่นได้รู้ได้เข้าใจด้วย เพราะฉะนั้น คนอื่นที่ได้ฟัง ก็พิจารณาไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจในสิ่งที่ได้ฟัง
~ ธรรมคือสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งมีลักษณะเฉพาะ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ธรรมหนึ่ง ก็เป็นธรรมหนึ่ง นั่นแหละ
~ คำเดียว ก็ยาก แค่ฟังก็ไม่พอ ต้องไตร่ตรอง เพราะเหตุว่า เดี๋ยวนี้ เป็นธรรม แต่ลืมแล้ว
~ คำหนึ่ง คือคำว่า ธรรม เข้าใจอย่างมั่นคงจริงๆ ว่า เป็นสิ่งที่มีจริงๆ ทุกขณะ เดี๋ยวนี้ ก็มี เพราะฉะนั้น ฟังธรรม ก็คือว่า เดี๋ยวนี้ มีสิ่งที่เป็นธรรม ที่จะต้องฟังจนกว่าจะเข้าใจถูกตรงตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้นๆ
~ มั่นคงไหมว่าธรรม เป็นอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เป็นได้อย่างเดียว คือ เป็นธรรม (ธรรมเป็นธรรม เป็นอย่างอื่นไม่ได้)
~ ค่อยๆ ฟังค่อยๆ เข้าใจเรื่องของสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง จนกระทั่งเป็นความเข้าใจที่มั่นคง
~ ขณะที่เข้าใจก็ละความไม่รู้ ความเข้าใจสิ่งที่ไม่เคยรู้ต่างหาก ที่ค่อยๆ ละความไม่รู้
~ เห็นคุณของพระธรรมหรือยัง? เมื่อเห็นคุณของพระธรรม ก็เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วจะบูชาพระองค์ด้วยอะไร? ด้วยการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ
~ ฟังพระธรรมทุกคำด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ที่จะเข้าใจว่า เป็นเรื่องละ แต่ไม่ใช่เรา
~ ปัญญาทำหน้าที่ละ ไม่มีใครไปทำหน้าที่ของปัญญาได้เลย
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมี มา เพื่อให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง แล้วจะรับ (พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง) ไหม?
~ ไม่ฟังพระดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วไปสำนักปฏิบัติ ดื้อไหม? ดื้อ
~ จะรักษาพระพุทธศาสนาได้อย่างไร? ด้วยการศึกษาธรรมทีละคำ แล้วก็เข้าใจถูกต้อง มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง
~ กิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) มีมาก แล้วจะออกจากกิเลสได้อย่างไร? ถ้าไม่มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีทางออกจากกิเลสได้ เพราะฉะนั้น คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหมด นำออกซึ่งความไม่รู้
~ การฟังพระธรรมนั่นแหละ เริ่มที่รู้จักกิเลส เพราะถ้าไม่รู้จักกิเลส ก็ละกิเลสไม่ได้
~ อกุศลเกิดขึ้นอย่างละเอียด เหมือนละอองธุลี ฉันใด ปัญญาที่เกิดจากการฟังธรรม ก็จะละเอียดอย่างนั้น เพื่อที่จะได้รู้ว่า ความจริงแล้ว ถ้าไม่มีการฟังพระธรรม ไม่มีทางที่จะเข้าใจธรรมเลย
~ ถ้าบวชแล้วไม่เข้าใจธรรม ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยเพราะไม่เข้าใจธรรม กับ คฤหัสถ์ซึ่งไม่ได้บวช แต่ศึกษาธรรมแล้วเข้าใจธรรม พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้ จากใคร?
~ ต้องไม่ลืมว่า พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้ ก็ด้วยความเข้าใจธรรม
~ สิ่งที่มีจริง ถูกปกปิดไว้ทึบ ด้วยความไม่รู้และความติดข้อง
~ เมื่อรู้คุณของคนอื่น สิ่งที่ทำได้ ก็คือ ทำดี ทำคุณ เพื่อประโยชน์ของคนอื่น
~ บวชทำไม ถ้าตอบไม่ถูก ผู้นั้นไม่ใช่ภิกษุ
~ พระภิกษุจะทำประโยชน์แก่คนอื่นได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจธรรมและไม่แสดงธรรม?
~ ถ้าเป็นความเข้าใจธรรมจริงๆ พระภิกษุทั้งหลาย จะรับเงินรับทองไหม? ไม่รับ
~ ความเห็นผิดไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ เลยทั้งสิ้น
~ ความไม่รู้มีมากมายมหาศาล เพราะฉะนั้น พระธรรมแต่ละคำทำให้ค่อยๆ เข้าใจธรรม (สิ่งที่มีจริง) ตามความเป็นจริง
~ มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อที่จะเข้าใจธรรม ศึกษาธรรม อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลส.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
กราบแทบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ฯด้วยความเคารพยิ่ง
แม้การฟังพระธรรมก็เป็นธรรมะนั่นเองที่กำลังทำหน้าที่ฟัง แม้พระธรรมเองนั่นแหล่ะที่กำลังเกิดดับอยู่ตลอดเวลา แม้ขณะที่กดพิมพ์หนังสือนี้
กราบอนุโมทนาอ. คำปั่นด้วยครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
สาธุค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ