[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 19
๓. ทุติยสังขิตตสูตร
ความต่างแห่งผลเพราะความต่างแห่งอินทรีย์
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 31]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 19
๓. ทุติยสังขิตตสูตร
ความต่างแห่งผลเพราะความต่างแห่งอินทรีย์
[๘๗๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ อินทรีย์ ๕ ประการนี้แล.
[๘๗๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นพระอรหันต์ เพราะอินทรีย์ ๕ ประการนี้เต็มบริบูรณ์ เป็นพระอนาคามี เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระอรหันต์ เป็นพระสกทาคามี เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระอนาคามี เป็นพระโสดาบัน เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระสกทาคามี เป็นพระโสดาบันผู้ธัมมานุสารี เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระโสดาบัน เป็นพระโสดาบันผู้สัทธานุสารี เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระโสดาบันผู้ธัมมานุสารี ดังพรรณนามาฉะนี้ ความต่างแห่งผลย่อมมีได้เพราะความต่างแห่งอินทรีย์ ความต่างแห่งบุคคลย่อมมีได้เพราะความต่างแห่งผล.
จบทุติยสังขิตตสูตรที่ ๓
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 20
อรรถกถาทุติยสังขิตตสูตร
สูตรที่ ๓.
คำว่า ตโต คือ พึงทราบความคละปนกันด้วยอำนาจผล.
จริงอยู่ อินทรีย์ทั้งห้าที่สมบูรณ์เต็มที่แล้ว ก็ย่อมชื่อว่าเป็นอินทรีย์ของอรหัตตผล. บุคคลที่ประกอบด้วยอรหัตตผล ก็เป็นพระอรหันต์ ที่อ่อนกว่านั้น ก็ย่อมชื่อว่าเป็นอินทรีย์ของอนาคามิผล ฯลฯ ที่อ่อนกว่านั้น ก็เป็นอินทรีย์ของโสดาปัตติผล. บุคคลที่ประกอบด้วยโสดาปัตติผล ก็เป็นพระโสดาบัน.
ความเป็นต่างๆ ของผล ย่อมมีเพราะความเป็นต่างๆ ของอินทรีย์. ความแตกต่างของบุคคล ย่อมมีเพราะความแตกต่างของอินทรีย์ เพราะความแตกต่างกันของผล.
จบอรรถกถาทุติยสังขิตตสูตรที่ ๓