ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๑]
- พระธรรมของพระผู้มีพระภาคเหมือนกับแสงพระอาทิตย์ ไม่เลือกหน้าว่าจะเป็น เศรษฐี ผู้ดี ยากจน เข็ญใจ เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก อุบาสิกา ฆราวาส ผู้ใด มีความเข้าใจสดับฟังพระธรรมเทศนา ประโยชน์ย่อมเกิดมีแก่ผู้นั้น
- รวมพระพุทธดำรัสทั้งหมดลงในเรื่องของความไม่ประมาท เพราะว่าไม่มีใคร ทราบจริงๆ ในเรื่องของภพภูมิต่อไป การที่มีโอกาสได้อยู่ในภพภูมินี้ และมีโอกาสได้ ศึกษาธรรม ได้ฟังธรรมะของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
- ในการฟังพระธรรม จุดประสงค์เพื่ออะไร เพื่อให้เข้าใจตัวเองตามความเป็นจริง เพราะเหตุว่าถ้าไม่อาศัยพระปัญญาของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีใครสามารถที่จะรู้จักโลก หรือรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงได้
- ธรรมต้องพิจารณาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของโลภะ หรือโทสะ โมหะ โดย พิจารณาตนเองว่า การที่ยังมีความยึดมั่นผูกพันในบุคคล ควรที่จะคลายเกลียวออก หรือหมุนเกลียวเข้าไปอีก? เพราะว่าในภพหนึ่งชาติหนึ่งทุกคนต้องมีความผูกพัน ความยึดมั่นในบุคคลต่างๆ โดยฐานะต่างๆ แต่ก็ควรที่จะพิจารณาว่า ควรที่จะละคลายหรือ ควรที่จะยึดมั่นให้มากขึ้น? หรือแม้แต่เรื่องของโทสะ ความโกรธ ก็เช่นเดียวกัน
- มนุษย์รกชัฏ คือ มนุษย์ที่มากมายหนาแน่นด้วยกิเลส เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็น ประโยชน์ของมนุษย์รกชัฏ ก็คือขณะที่เป็นกุศล สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ของมนุษย์รกชัฏคือขณะที่เป็นอกุศล
- ตั้งแต่เช้ามาจนกระทั่งขณะที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรม หรือขณะที่กุศลจิตไม่เกิด ทราบไหมว่า ขณะนั้นเป็นชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยอกุศล ไม่เคยรู้เลย เป็นกระแสของอกุศล จนกระทั่งสติระลึกได้ว่า ขณะนี้เป็นอกุศล ขณะนั้นสติเป็นธรรมเครื่องกั้น กระแสของอกุศลที่ระลึกได้ เพราะฉะนั้น เวลาได้ยินคำพูดที่ไม่พอใจ เป็นคำสบ ประมาท ซึ่งแต่ก่อนนี้ก็จะต้องไหลไปตามกระแสของอกุศล คือ ความไม่พอใจ แต่พอสติเกิดระลึกได้ นั่นคือ สติเป็นเครื่องกั้นกระแสของอกุศล
- การที่จะศึกษาพระธรรม จะต้องศึกษาจากสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติใน ชีวิตประจำวัน
- ทุกสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง คือ ขณะนี้ สิ่งที่มีจริงพระองค์ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงให้ผู้อื่นรู้ตาม
- ถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรมเลย พระสัทธรรมจะตั้งอยู่ได้อย่างไร
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์เกื้อกูลให้สัตว์โลกได้เข้าใจธรรม เป็นปัญญา ของตนเอง
- ขณะนี้ มีสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ไม่รู้ จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมให้เข้าใจ
- พระพุทธศาสนาจะตั้งอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีผู้สนใจที่จะฟังที่จะศึกษาให้ เข้าใจ
- ถ้าไม่ฟังพระธรรมก็ไม่สามารถที่จะรู้สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ได้เลย
- ธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น เป็นจริงแต่ละหนึ่งโดยไม่ปะปนกัน
- ทำแล้ว ไม่รู้ ก็เท่ากับว่าไม่ได้ทำ แล้วจะไปทำ ทำไม (การปฏิบัติผิด)
- หนทางที่ควรเดิน คือ หนทางที่จะทำให้รู้ความจริงของสภาพธรรม
- พระธรรมทั้งหมดที่ได้ฟัง เพื่อความเข้าใจว่า ธรรมเป็นธรรม ไม่ใช่เรา
- วันนั้น (คือวันรู้แจ้งอริยสัจจธรรม) ไม่ใช่วันนี้ แต่จะมีวันนั้นได้ ก็ต้องมีวันนี้ คือ มีวันที่มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาสะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ
- ขณะที่ฟังพระธรรม ก็เป็นการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏ
- ถ้าจิตไม่ดี (อกุศลจิต) เกิดขึ้นเป็นไป ก็เป็นไปตามอกุศล แล้วจุดหมายปลายทางของอกุศลคืออะไร? คือ อบายภูมิ
- อกุศลเกิดขึ้นไม่สงบ แต่ขณะใดที่กุศลธรรมเกิดขึ้น ขณะนั้นสงบจากอกุศล
- ถ้าไม่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ไม่สามารถละคลายการยึดถือสภาพ ธรรมว่าเป็นตัวตนได้เลย ในเมื่อไม่รู้ ก็ละไม่ได้
- วันนี้ เป็นมนุษย์ พรุ่งนี้ อาจจะเป็นบุคคลใหม่ในภพใหม่ที่ไม่ใช่มนุษย์ก็ได้ ใครจะไปรู้?
- ประโยชน์ของการมีชีวิตอยู่เพียงชั่วคราว คือ เข้าใจสภาพธรรมที่กำลัง ปรากฏตามความเป็นจริง
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๕๐ ได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๐
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมปันธรรมด้วย ครับ
- มนุษยโลกก็ดี เทวโลกก็ดี (พรหมโลกก็ดี) อบายโลกก็ดีล้วนเป็นที่พักอาศัยเพียงชั่ว คราวทั้งสิ้นไม่นานเลย ก็ต้องจากไป.อะไรจะเป็น ที่พำนักอันถาวรของสัตว์ทั้งหลายยิ่ง กว่า พระธรรม เป็นไม่มี เพราะฉะนั้น เราทั้งหลาย จงอย่าประมาท จงประพฤติธรรมเถิด
- กรรมดีและกรรมชั่วให้ผลต่างกัน และไม่ปะปนกันเพราะฉะนั้น ควรทำสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง แม้จะไม่ถูกใจ ไม่ควรทำสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง แม้จะถูกใจ
- สิ่งที่ถูก สิ่งที่เป็นธรรมไม่ได้หมายถึงคนส่วนมากเห็นอย่างนั้น สิ่งนั้นจะถูกต้อง สภาพธรรมที่เป็นกุศลไม่เปลี่ยนไปตามโลกสมมติ สภาพธรรมที่เป็นอกุศลธรรมก็ ไม่ได้เปลี่ยนไปตามโลกสมมติ แต่ต้องพิจารณาโดยธรรม โดยกุศลธรรม ดังนั้น ประชาธิปไตยในสมัยพุทธกาลสำหรับภิกษุสงฆ์แล้วจึงเป็นเสียงข้างมากโดยยึดหลัก คุณธรรม ความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่ได้ยึดสิ่งอื่น ตัวบุคคลอื่น การปกครองที่ดีจึง ต้องพิจาณาให้ความสำคัญที่กุศลธรรม ความถูกต้อง อันเกิดจากการพิจารณาด้วย ปัญญาที่เห็นตามความเป็นจริง
- ถ้ามีทรัพย์ พอที่จะสละให้ผู้อื่นได้โดยพิจารณาว่า มีเหตุผลสมควรที่จะให้ ก็สามารถให้ด้วยความสบายใจโดย ไม่ต้องเดือดร้อนในภายหลัง
- ในการดำรงชีวิตของคฤหัสถ์ นั้น เป็นเรื่องที่ควรเข้าใจด้วยว่า เมื่อยังมีโลภะอยู่ก็ ควรเป็นผู้ฉลาด ฉลาด คือ เข้าใจตามความเป็นจริงว่า ชีวิตของคฤหัสถ์นั้น มีความ แตกต่างกันไปถ้าเรามีความสามารถที่จะช่วยเหลือใครได้ ก็ควรกระทำ ไม่ใช่เป็นผู้ ที่ไม่สละ อะไรเลยจนถึงกับ "ตระหนี่" หรือ "ไม่สันโดษ" พอใจในสิ่งที่ตนมีจนถึงกับ มีเท่าไรก็ไม่พอและควรเป็น ปัญญาที่เข้าใจตามความเป็นจริง ว่าความติดข้องยิ่งน้อยลงเท่าไรก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น และ ปัญญา ที่เข้าใจอย่างนี้ที่ทำให้ชีวิตของคฤหัสถ์ที่ยัง ต้องเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินเป็นผู้ที่ฉลาดในการใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง และบุคคลอื่น
- สำหรับบางคน อยากทำบุญแต่ ไม่มีทรัพย์มากพอที่จะทำได้แล้ว เกิดความเดือด ร้อนใจและ มีการกระทำต่างๆ เพื่อที่จะทำในสิ่งที่ต้องการให้ได้อย่างนี้ สันโดษหรือ เปล่าคะแต่ ถ้าเป็นทรัพย์ของตนเองและสละให้บุคคลได้ "โดยไม่ต้องรบกวนใครเป็น ความสันโดษในทรัพย์ของตน และถ้าเป็นการใช้ทรัพย์ของตนไปในทางกุศล ผู้มี ปัญญา ย่อมสามารถที่จะสละทรัพย์ช่วยเหลือบุคคลอื่นได้อีกมาก
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
- ในการฟังพระธรรม จุดประสงค์เพื่ออะไร เพื่อให้เข้าใจตัวเองตามความเป็นจริง เพราะเหตุว่าถ้าไม่อาศัยพระปัญญาของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มี ใครสามารถที่จะรู้จักโลก หรือรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงได้
- ถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรมเลย พระสัทธรรมจะตั้งอยู่ได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ไม่สามารถละคลายการยึดถือสภาพ ธรรมว่าเป็นตัวตนได้เลย ในเมื่อไม่รู้ ก็ละไม่ได้
- มนุษยโลกก็ดี เทวโลกก็ดี (พรหมโลกก็ดี) อบายโลกก็ดีล้วนเป็นที่พักอาศัยเพียงชั่ว คราวทั้งสิ้นไม่นานเลย ก็ต้องจากไป.อะไรจะเป็น ที่พำนักอันถาวรของสัตว์ทั้งหลายยิ่ง กว่า พระธรรม เป็นไม่มี เพราะฉะนั้น เราทั้งหลาย จงอย่าประมาท จงประพฤติธรรมเถิด
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิต อ. คำปั่น และ อ. เผดิม ด้วยค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
- พระธรรมของพระผู้มีพระภาคเหมือนกับแสงพระอาทิตย์ ไม่เลือกหน้าว่าจะเป็น เศรษฐี ผู้ดี ยากจน เข็ญใจ เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก อุบาสิกา ฆราวาส ผู้ใดมีความเข้าใจสดับฟังพระธรรมเทศนา ประโยชน์ย่อมเกิดมีแก่ผู้นั้น
- กรรมดีและกรรมชั่วให้ผลต่างกัน และไม่ปะปนกันเพราะฉะนั้น ควรทำสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง แม้จะไม่ถูกใจ ไม่ควรทำสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง แม้จะถูกใจ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
อกุศลธรรมไม่น่าพักพิง กุศลธรรมควรน้อมให้เจริญ สภาวธรรมควรทำความเข้าใจ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
"ขณะนี้ มีสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ไม่รู้ จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมให้เข้าใจ"
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่น และ ทุกๆ ท่านครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
-ถ้าไม่ได้ฟังธรรม ขณะนั้น ก็ไม่ได้รู้ว่า กำลังมี "กระแสของอกุศล" และสติที่เกิดขึ้นขณะที่ฟังธรรมเข้าใจ เป็นเครื่องกั้นกระแส เพราะระลึกได้ว่าขณะนี้ เป็นอกุศล
-สิ่งที่มีจริง เป็นจริงแต่ละหนึ่ง ไม่ได้ปะปนกัน
-ขณะที่ฟังธรรม เป็นการสะสมความเข้าใจถูก ของสิ่งที่ปรากฏ
-ประโยชน์ของการมีชีวิตอยู่เพียงชั่วคราว คือ การเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง
ขอขอบคุณ และ ขออนุโมทนา อ.คำปั่น และ ทุกท่าน เป็นข้อความที่ไพเราะ ลึกซึ้งควรแก่การพิจารณาความจริงมากครับ
- เวลาได้ยินคำพูดที่ไม่พอใจ เป็นคำสบประมาท ซึ่งแต่ก่อนนี้ก็จะต้องไหลไปตามกระแสของอกุศล คือ ความไม่พอใจ แต่พอสติเกิดระลึกได้ นั่นคือ สติเป็นเครื่องกั้นกระแสของอกุศล
- กรรมดีและกรรมชั่ว ให้ผลต่างกัน และไม่ปะปนกัน เพราะฉะนั้น ควรทำสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง แม้จะไม่ถูกใจ ไม่ควรทำสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง แม้จะถูกใจ
ขออนุโมทนาค่ะ
"เวลาได้ยินคำพูดที่ไม่พอใจ เป็นคำสบ ประมาท ซึ่งแต่ก่อนนี้ก็จะต้องไหลไปตามกระแสของอกุศล คือ ความไม่พอใจ แต่พอ สติเกิดระลึกได้ นั่นคือ สติเป็นเครื่องกั้นกระแสของอกุศล"
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งครับ
ขอกราบขอบพระคุณและ อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านที่ร่วมปันธรรมครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอขอบคุณ และ ขออนุโมทนา อ.คำปั่น และ ทุกท่าน เป็นข้อความที่ไพเราะ ลึกซึ้ง ควรแก่การพิจารณาความจริงมากค่ะ
"วันนั้น (คือวันรู้แจ้งอริยสัจจธรรม) ไม่ใช่วันนี้ แต่จะมีวันนั้นได้ ก็ต้องมีวันนี้ คือ มีวันที่มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาสะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ"
"หนทางที่ควรเดิน คือ หนทางที่จะทำให้รู้ความจริงของสภาพธรรม"
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ. คำปั่น อ. เผดิม และทุกๆ ท่านครับ
ขออนุโมทนา
ประโยชน์ของการมีชีวิตอยู่เพียงชั่วคราว คือ เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง.
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ