ผู้ที่กล่าวว่า ธรรมะแสนยาก...ผู้นั้นกำลังสรรเสริญพระปัญญาของพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ตรัสไวัว่า ธรรมะนั้นลึกซึ้ง ละเอียด รู้ได้ยาก เห็น
ได้ยาก บัณฑิตเท่านั้นพึงจะรู้ตามได้......ถ้าหากธรรมะรู้ได้ง่าย พระพุทธองค์คงไม่
ต้องสะสมบารมีถึง ๔ อสงไขย แสนกัปป์ พระธรรมนั้นแสนยาก แต่ก็สามารถที่จะ
เข้าใจได้ และรู้ตามได้ อยู่ที่เหตุปัจจัยที่ค่อยๆ สะสมจากการฟัง เมื่อมีความเข้าใจ
เพิ่มขึ้น สักวันหนึ่งย่อมจะรู้ได้ และประจักษ์แจ้งความจริงนั้นได้ แต่ก็เป็นการสะสม
ความเข้าใจที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น อีกยาวนานมาก อีกกี่ภพ กี่กัปป์...แต่กว่าจะถึงวันนั้น ก็
ต้องเริ่มจากเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ในชีวิตประจำวันมีธรรมมะกำลังปรากฏอยู่ตลอดเวลา ไม่
เคยขาดธรรมะเลยแม้ขณะเดียว ไม่ต้องไปแสวงหาธรรมะที่ไหน สิ่งที่กำลังปรากฏรู้จักหรือยัง? แม้ปัญญาที่จะรู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมะยังไม่มี แล้วจะไปละ โลภะ ได้อย่าง
ไร ถ้าไม่รู้จักธรรมะ จะบรรลุอริยสัจจธรรมไม่ได้เลย สิ่งที่กำลังปรากฏเป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง ซึ่งไม่พ้นจากธรรมะที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวัน ทางตา....
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุก ท่านค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ความอัศจรรย์ที่ไม่เคยพบ คือ สิ่งที่สำแดงออกมาทางตา มีสภาพที่ปรากฏทางตา กับสภาพรู้สิ่งที่ปรากฏ ทรงตรัสรู้บัญญัติศัพท์ว่ารูป กับจักขุวิญญาณ ย่อมไม่มีอื่นใดในขณะ
ในสมัยพุทธกาล ศิษย์ของท่านพระอานนท์ และ ศิษย์ของท่านพระอนุรุทธะแข่งขันกันกล่าวธรรม พระผู้มีพระภาคทรงทราบ จึงทรงตรัสเตือนพระภิกษุทั้งสองว่า ได้รู้ทั่วถึงธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ทั้งหมดแล้วหรือ ถึงได้มากล่าวแข่งกันอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้นแสนยากจริงๆ และจะอุปการะเกื้อกูลแก่ผู้ที่ว่าง่ายมากกว่าผู้ที่ว่ายาก เพราะผู้ที่ว่าง่าย ย่อมพร้อมที่จะรับอนุศาสนีย์ของพระ-พุทธองค์ด้วยความเคารพสูงสุด คือ พร้อมที่จะฟังแล้วประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมได้รวดเร็วกว่าผู้ที่ว่ายากสอนยากครับ อย่างที่พี่เมตตากล่าวว่า รู้จักหรือยัง? ถ้าเป็นผู้ว่าง่ายและเป็นผู้ตรง รู้คือรู้ ไม่รู้ก็คือไม่รู้ และเพราะรู้ว่ามีความไม่รู้ จึงน้อมไปที่จะใส่ใจฟังธรรม เพื่อให้เกิดความเข้าใจธรรมถูกต้องยิ่งขึ้นครับ
....ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตาครับ....
ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า "คนส่วนมากไม่รู้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาไม่รู้"
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่อาจหลุดพ้นไปจากความไม่รู้ไปได้เลย
เมื่อไหร่มีเขาเริ่มรับความจริงว่า ไม่รู้
ย่อมทำให้หันมาสนใจใส่ใจศึกษาเพื่อออกจากความไม่รู้นั้น
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณเมตตาและคุณ Chaiyut ครับ
พระธรรมนั้นแสนยาก แต่ก็สามารถที่จะเข้าใจได้ และรู้ตามได้ อยู่ที่เหตุปัจจัย
ที่ค่อยๆ สะสมจากการฟัง เมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น สักวันหนึ่งย่อมจะรู้ได้ และประจักษ์
แจ้งความจริงนั้นได้ แต่ก็เป็นการสะสมความเข้าใจที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น อีกยาวนานมาก
อีกกี่ภพ กี่กัปป์...แต่กว่าจะถึงวันนั้น ก็ต้องเริ่มจากเดี๋ยวนี้
...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตาและคุณ Chaiyut ค่ะ...
ขอบพระคุณในคำอธิบายต่างๆ แล้วผมเองได้สงสัยอีกอย่างว่าถ้าหากท่านๆ ทั้งหลายรวมทั้งตัวผม ฟังพระธรรมจนสิ้นลมหายใจจากโลกนี้ไปโดยที่ยังไม่รู้อยู่ดี พระธรรมนั้นจะเป็นประโยชน์อย่างไรครับ ขออนุโมทนาครับ
"..แม้ปัญญาที่จะรู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมะยังไม่มี แล้วจะไปละ โลภะ ได้อย่าง ไร"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เราสะสมความไม่รู้มามาก การค่อยๆ ละไม่ใช่เรื่องง่าย แม้เพียงเข้าใจขั้นการฟัง
ก็ได้ประโยชน์ว่าขณะนี้เป็นธรรมะ ไม่ใช่ตัวตน การที่ปัญญาจะเจริญขึ้น ต้องอาศัย
เวลาที่ยาวนานมาก เพียงชาติหนึ่ง เริ่มจากการฟังค่อยๆ เข้าใจขึ้น สะสมต่อๆ ไป
ในภพหน้าได้ ต้องฟังต่อไป ไม่ประมาท ไม่ขาดการฟัง ไม่ขาดการพิจารณา ฯลฯ
และแต่ละคนฟังธรรมเข้าใจมากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับการสะสมของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ธรรมะคือสิ่งทีมีอยู่จริง--พระธรรมเป็นคำสอนเพื่อให้รู้สิ่งที่มีอยู่จริง--การรู้ว่าสิ่งที่มีอยู่จริงกับการไม่รู้..รู้ย่อมดีกว่าไม่รู้เพราะความไม่รู้อาจเป็นภัยกับตนเองเช่นไม่รู้จักงูว่าชนิดไหนมีพิษโอกาสตายเพราะพิษงูของผู้ไม่รู้ย่อมมากกว่า..การฟังพระธรรมกับการได้ยินพระธรรมต่างกันการฟังพระธรรมอย่างน้อยเป็นการละความไม่รู้..ฟังแล้วเข้าใจจะเกิดปัญญา--ปัญญาเป็นเจตสิกที่เกิดร่วมกับจิต--จิตทุกดวงประกอบด้วยสัญญาเจตสิกและจิตเกิดดับสีบต่อกัน..ธรรมชาติของจิตเป็นธรรมชาติอันกรรม กิเลส สั่งสมวิบาก..ความเข้าใจจึงสามารถสะสมข้ามภพชาติได้...สนใจคำถามคุณ..tanon..เพราะเคยสงสัยแบบนี้มาก่อนพอศึกษาธรรมะความสงสัยน้อยลงและขออภัยหากความเห็นจะทำให้งงมากขึ้น...ขออนุโมทนาคะ
ทุกลมหายมีพระธรรม แม้สิ้นลมยังให้ปัจจัยแก่ลมหายใจในชาติ (ความเกิด) ความดีไม่สูญหาย ชาติหน้าจะถึงอีกไม่นาน แม้ชาตินี้ก็เพิ่งจะผ่านมา.
ขออนุโมทนาครับ