การเจริญกุศล ทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล การอบรมความสงบของจิตและการอบรมปัญญา ความสงบของกุศลจิตที่เกิดขึ้น องค์ธรรมได้แก่ปัสสัทธิเจตสิก ใช่ไหมครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตามความเป็นจริงแล้ว ขณะที่เจริญกุศล ขณะที่กุศลเกิดขึ้น ขณะนั้น ย่อมสงบจากอกุศล ชั่วขณะที่กุศลเกิดขึ้น เมื่อว่าโดยสภาพธรรมของกุศลแล้ว ก็ได้แก่ กุศลจิต และเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วยทั้งหมด จึงเรียกตามความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมว่า เป็นชาติกุศล คือ เกิดขึ้นเป็นกุศล สงบจากอกุศล ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ขาดเจตสิกที่ทำให้จิตสงบ (จิตตปัสสัทธิเจตสิก) และ เจตสิกที่ทำให้เจตสิกที่เกิดร่วมด้วยสงบ (กายปัสสัทธิเจตสิก) เลย โดยที่เจตสิกทั้งคู่นี้ เป็นสภาพธรรมที่ตรงกันข้ามกับสภาพธรรมที่เป็นอกุศลธรรม มีอุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน ไม่สงบ เป็นต้น อย่างสิ้นเชิง ทั้งหมดทั้งปวง เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ครับ
คำบรรยายของอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้
"ข้อความในพระอภิธัมมวิภาวินีฎีกา แสดงลักษณะของความสงบของจิตว่า ภาวะ คือ ความสงบเป็นต้นของจิตนั่นเองจะมีได้ เพราะโสภณสาธารณเจตสิก ๖ คู่ (กายปัสสัทธิ - จิตตปัสสัทธิ กายลหุตา - จิตตลหุตา กายมุทุตา - จิตตมุทุตา กายุชุกตา - จิตตุชุกตา กายปาคุญญตา - จิตตปาคุญญตา กายกัมมัญญตา - จิตตกัมมัญญตา) เป็นต้น ถ้าขณะใดที่กายปัสสัทธิเจตสิก และจิตตปัสสัทธิเจตสิกไม่เกิด ไม่มีสภาพธรรมอื่นที่จะทำให้จิตสงบได้ เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาค หาได้ตรัสไว้ในสมาธิเป็นต้นไม่ คือ ไม่ได้ทรงแสดงไว้ว่า สมาธิมีลักษณะที่สงบ แต่ทรงแสดงไว้ว่า ภาวะ คือ ความสงบเป็นต้นของจิตนั่นเอง จะมีได้เพราะจิตตปัสสัทธิ เป็นต้น
เพราะฉะนั้น บางคน คิดว่าจะต้องเป็นสมาธิแล้วจึงสงบ ในขณะนั้นลืมพิจารณาว่า ในขณะที่จิตไม่ซัดส่ายไปสู่อารมณ์ต่างๆ และใช้คำว่าสงบ ในขณะที่เป็นอกุศลนั้นไม่มีโสภณธรรมเจตสิกซึ่งทำให้จิตสงบ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณ อ.คำปั่น และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาเจ้าค่ะ
การให้ทาน การรักษาศีล ไม่ประกอบด้วยปัญญาก็ได้ ประกอบด้วยปัญญาก็ได้ แต่การเจริญความสงบของจิต เช่น การเจริญสติปัฏฐาน การเจริญสมถภาวนา ขาดปัญญาไม่ได้ค่ะ