ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรม จึงมีสำนักปฏิบัติ ถ้าเข้าใจธรรมจะไม่มีสำนักปฏิบัติแน่นอน เพราะไม่มีเราปฏิบัติ สติสัมปชัญญะมีปัจจัยเกิดเมื่อไร ถึงเฉพาะด้วยปัญญาที่เข้าใจถูกในสิ่งที่ปรากฏเพราะได้ฟังมาแล้ว จึงสามารถที่จะทำให้สติสัมปชัญญะเกิด
พระพุทธศาสนาสอนให้รู้ ให้เข้าใจถูก แต่สำนักปฏิบัติไม่ได้สอนให้รู้ ให้เข้าใจถูกเลย แต่สอนให้ทำ ไม่มีใครเลยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบอกให้ไปทำ ให้ไปเข้าห้อง ให้ไปอยู่ป่า ให้ไปเดินอย่างนั้น ให้ไปทำอย่างนี้ ไม่มีเลย แต่ทรงสอนให้เข้าใจถูก โดยที่ว่าไม่บังคับ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปัญญามีหลายระดับ ปัญญาขั้นฟัง รอบรู้ในพระพุทธพจน์ ธรรมคือสิ่งที่มีจริง เกิดจึงปรากฏ แล้วก็ดับไป ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ใครก็ทำให้เกิดไม่ได้ มีปัจจัยจะเห็น ก็เห็นเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครไปทำอะไรได้เลย เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ปัญญาที่ได้ค่อยๆ อบรมมาแล้ว ก็เกิดรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏโดยไม่ได้หวัง นั่นคือความเป็นอนัตตาที่ชัดเจนขึ้นๆ ไม่ใช่อัตตาที่ไปนั่งทำ นั่งจ้อง เพราะฉะนั้น พูดได้ไหมว่า สำนักปฏิบัติทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอเชิญรับฟัง
ถ้าเข้าใจธรรมจะไม่มีสำนักปฏิบัติ
ผมดูพระไตรปิฏก ในอนาปานสติสูตรที่แปลไทย มีคำว่า “ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ให้เธอคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า …” พระพุทธเจ้าบอกให้ภิกษุ ดำรงสติ คือ กำหนดสติได้หรืออย่างไรครับ ซึ่งต่างจากคำสอนอ.สุจินต์ที่ว่า สติ กำหนดทำไม่ได้ .. จึงขอท่านผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ
ขอถามอีกข้อหนึ่ง ตามคำสอนท่านอ.สุจินต์กล่าวว่า ขั้นปฏิปัติ ก็ไม่ต้องทำอะไร เหตุใดในพระไตรปิฎก จึงมีอนาปานสติสูตร เพื่ออะไรครับ
>>>"อนัตตา" ... ถ้าแปลว่า ไม่มีตัวตน เกิดดับอย่างนั้นเอง บังคับไม่ได้ (บังคับการเกิดดับไม่ได้) เพราะถ้าบังคับบัญชา ก็เป็นตัวตนเป็นตัวเราเป็นอัตตาที่บังคับบัญชา ทำให้ละวางไม่ได้
>>>"สรรเพ ธรรมา (ทุกสรรพสิ่งที่เป็นธรรมชาติ) อนัตตา" ... ถ้าแปลว่า ทุกสิ่งอย่างล้วนไม่มีตัวตน มีแค่รูป จิต เจตสิก นิพพาน (ปรมัตตธรรม) แต่สมาธิ, สติสัมปชัญญะ, ปัญญา ฝึกฝนอบรมได้ แต่บังคับบัญชาให้เกิดเมื่อนั้นเมื่อนี้ไม่ได้
***เข้าใจแบบนี้ถูกต้องไหมครับ???
เรียน ความคิดเห็นที่ ๑ และ ๒ ครับ
สำคัญที่เข้าใจธรรมว่าเป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงที่เกิดขึ้นเมื่อมีเหตุมีปัจจัย
ทั้งหมด ไม่ใช่ด้วยความเป็นตัวตน แต่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยทั้งสิ้น ครับ