[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 711
๑. ปฐมนิพพานสูตร
[๑๕๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริงด้วยธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้นกระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวง แล้วเงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย "อายตนะนั้นมีอยู่" ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะโลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์ และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
อายตนะนั้น หมายถึง พระนิพพาน
พระนิพพานเป็นธัมมายตนะ เป็นอายตนะที่รู้ได้ด้วยโลกุตตรจิต
ที่มีคนนำคำว่า "อายตนะนั้นมีอยู่" ไปเทียบเคียงคำสอนรุ่นหลังๆ ว่า เป็นตัวตนไม่ทราบว่าถ้าจะอธิบายคำว่าอายตนะ อธิบายได้ความหมายอย่างไรบ้างคะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
อายตนะ หมายถึง ที่ต่อ บ่อเกิด ที่ประชุม คือ อายตนะทั้ง ๑๒ เป็นที่ประชุมของนามและรูป เป็นเหตุเป็นปัจจัย โดยปัจจัยหลายอย่างมีอารัมณปัจจัยเป็นต้น ฉะนั้น พระนิพพานมีอยู่จริงแต่เป็นอารมณ์ของโลกุตตรจิต ขณะที่โลกุตตรจิตเกิดขึ้นมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ ขณะนั้นมีการประชุมของ มนายตนะ และธัมมายตนะ แต่ทั้งหมดเป็นอนัตตา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น