ในโลกุตตรจิต ไม่มีอัปปมัญญัญญาเจตสิกประกอบ เพราะอัปปมัญญัญญาเจตสิกมีสัตว์บัญญัติเป็นอารมณ์
อยากเรียนถามว่า แล้วพระอิริยบุคคล มีความกรุณา และมุทิตาต่อสัตว์ได้ไหมครับ ช่วยอธิบายให้กระจ่างหน่อยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมเป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ผู้ที่ทรงตรัสรู้ตามความเป็นจริงแล้วทรงแสดงความจริงให้สัตว์โลกได้มีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสรู้สภาพธรรมที่มีจริงทุกอย่างทุกประการ สำหรับฟัง ผู้ศึกษาก็ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย
สภาพธรรมที่เป็นอัปปมัญญาเจตสิกนั้น ได้แก่ กรุณาเจตสิก กับ มุทิตาเจตสิก, กรุณาเจตสิก เป็นเจตสิกที่เกื้อกูลสัตว์ที่เป็นทุกข์ มีการไม่เบียดเบียนเป็นอาการปรากฏ เกื้อกูลให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อน มุทิตาเจตสิก เป็นเจตสิกที่ยินดีต่อสัตว์ที่เป็นสุข เป็นเจตสิกที่ตรงกันข้ามกับอิสสา (ความริษยา) , ความเข้าใจเบื้องต้น คือ โลกุตตรจิต ไม่มีอัปปมัญญาเจตสิกทั้งสองเกิดร่วมด้วย จะเห็นได้ว่า โลกุตตรจิต ไม่ได้เกิดตลอด มรรคจิต (แต่ละมรรคจิต) ก็เกิดเพียงครั้งเดียวในสังสารวัฏฏ์ทำกิจประหารกิเลส เมื่อมรรคจิตดับไปแล้ว ผลจิต ซึ่งเป็นผลของการดับกิเลส ก็เกิดสืบต่อ
ดังนั้น ชีวิตประวันของพระอริยบุคคล ก็มีเห็น มีได้ยิน มีได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย มีการคิดนึก แต่กิเลสที่ท่านดับได้แล้ว ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก พระอริยบุคคล เห็นสัตว์ที่เป็นทุกข์ ท่านก็สามารถเกื้อกูลให้พ้นจากทุกข์ได้ เท่าที่จะเป็นไปได้ หรือเวลาที่เห็นผู้อื่นได้ดี มีความสุข ท่านก็ไม่เกิดความริษยา เพราะความริษยา พระโสดาบันดับได้ ท่านก็สามารถเกิดมุทิตา พลอยยินดีกับผู้อื่น เมื่อเขาได้ดีมีความสุขได้ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย และถ้าเป็นพระอรหันต์แล้ว กรุณา ก็ดี มุทิตา ก็ดี ก็เกิดร่วมกับชาติกิริยาคือ เป็นมหากิริยาจิต เช่น พระอรหันต์แสดงธรรม เกื้อกูลแก่ผู้อื่นให้พ้นจากความไม่รู้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพยาบาลภิกษุผู้ป่วยไข้ เช่น ทรงพยาบาลดูแลพระปูติคัตตติสสเถระ ก็ด้วยจิตชาติกิริยา ขณะนั้นก็ประกอบด้วยความกรุณา ที่จะให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนา สาธ สาธุ สาธุ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ยินดีในกุศลจิตครับ