ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจากหนังสือ บุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
สมถภาวนา และ วิปัสสนาภาวนา เป็นบุญกิริยาวัตถุ ประเภทภาวนา แต่ต่างกันตรงที่ว่า สมถภาวนา ระงับกิเลสอย่างกลางวิปัสสนาภาวนา ละกิเลสอย่างละเอียด และเป็นกุศลที่ขัดเกลาอกุศลธรรมที่ไม่เป็นไปทางกาย วาจา การอบรมเจริญสมถภาวนาให้จิตมั่นคงนั้นจะต้องระลึกถึงแต่สิ่งที่ทำให้จิตใจเป็นกุศลแน่วแน่มั่นคงมากขึ้นจนเป็นสมาธิแต่ละขั้น. ฌาน หรือ ฌานจิต คือจิตที่เป็นกุศลประกอบด้วยปัญญามีความสงบมั่นคงเป็นสมาธิ ถึงขั้น อัปปนาสมาธิคือสงบมั่นคงแน่วแน่ แนบแน่นที่อารมณ์เดียว ทางใจไม่รับรู้อารมณ์อื่น ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
การที่จะอบรมเจริญภาวนาให้จิตเป็นกุศลสงบจนกระทั่งเป็นอัปปนาสมาธิ ซึ่งเป็นขั้นฌานนั้นต้องศึกษาเรื่องสมถภาวนาอย่างละเอียด ต้องรู้ว่า ระลึกอย่างไรด้วยสภาพจิตที่เป็นกุศลประกอบด้วยปัญญาอย่างไรจึงจะสงบเป็นสมาธิแต่ละขั้นได้
การระลึกถึงสิ่งที่ทำให้จิตใจสงบ เป็นกุศล เป็นการระงับไม่ให้กิเลสเกิดขึ้นแต่ว่าจะสงบได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ก็แล้วแต่สติและปัญญา คือ ความรู้สึกตัว พร้อมกับการรู้ลักษณะของจิตที่เป็นสงบเป็นกุศลซึ่งต่างกับขณะที่เป็นอกุศล และรู้หนทาง คือการอบรมเจริญเหตุที่จะทำให้จิตสงบได้ยิ่งขึ้นด้วย
อารมณ์สมถภาวนา ๔ อย่าง ได้แก่
การระลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑
การเจริญเมตตา ๑
การพิจารณาความเป็นอสุภะ คือ ความไม่งาม ๑
การระลึกถึงความตาย ๑
กุศลทุกอย่างควรอบรม ควรเจริญบ่อยๆ เนืองๆ ไม่มีอะไรเป็นมิตรแท้เท่ากับกุศลและปัญญาค่ะ
ขออนุโมทนาพี่วรรณีและคุณพุทธรักษา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
สาธุ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ