เรื่องของการอบรมเจริญปัญญาที่จะละคลายกิเลส เป็นเรื่องที่ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป จริงๆ แม้แต่ในขั้นของความเข้าใจ ถ้าติดตามฟังพระธรรมอยู่เรื่อยๆ พิจารณาธรรมอยู่เรื่อยๆ จะเห็นได้ว่า ความเข้าใจเพิ่มขึ้นจากตอนต้นมาก แต่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โดยที่ไม่สามารถกำหนดได้ว่าเพิ่มขึ้นในตอนไหน
ถ. ผมยืนอยู่อย่างนี้ ก็รู้ว่าเรายืน ที่เราพูดนี้ ก็รู้ว่าเราพูด บางทีก็มีเวทนา เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ผมพูดอย่างนี้ บางทีความรู้สึกเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ก็ไม่รู้ ธรรมดาปกติทั่วไป จะเกิดมีเจตสิก คือ เวทนาร่วมกับร่วมกับความโลภ ความโกรธ ความหลง จะร่วมกับจิตอยู่เสมอ โดยมากรู้เพียงแค่นี้ ทีนี้คำว่า ดับ หมายความว่า เราต้องเอาปัญญาเข้ามาช่วย คือ ที่จะรู้ว่าปัญญาเกิดขึ้น ก็เมื่อรู้เวทนาที่เกิดขึ้น ใช่ไหม
สุ. ยังเป็นตัวตน เพราะว่าการที่จะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ต้องประจักษ์ความเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน เป็นลักษณะของสภาพธรรมแต่ละลักษณะ แต่ละอย่าง ถ้ายังเป็นเรารู้ ก็ไม่ใช่หนทางที่จะดับกิเลสได้
การอบรมเจริญปัญญาไม่ใช่ไปบังคับไม่ให้อะไรเกิด แต่เป็นการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีปัจจัยจึงเกิดขึ้นปรากฏ
นามธรรมก็มีมาก รูปธรรมก็มีมากที่สติจะต้องระลึกรู้จนกว่าจะทั่ว จนกว่าจะชิน จนกว่าจะละคลายการยึดถือ เมื่อค่อยๆ ละคลายการยึดถือ ก็จะประจักษ์ความเกิดดับได้
ขอเชิญรับฟัง
จะอบรมเจริญปัญญาอย่างไร