ดิฉันจำชื่อพระภิกษุณีไม่ได้ค่ะ ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์และได้ไปอยู่ป่าและถูกบุรุษที่แอบชอบล่วงเกิน ซึ่งบุรุษผู้นั้นได้ถูกแผ่นดินสูบลงไป แต่เหมือนจะได้ฟังว่า การได้เพศสตรีมีโทษอยู่ 5 อย่าง เหมือนกับว่าไม่สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ จึงรู้สึกไม่แน่ใจค่ะ และขอความกรุณาไขข้อข้องใจว่า เพศสตรีสามารถอบรมธรรมบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้หรือไม่คะ

ในสมัยครั้งพุทธกาล ผู้หญิงที่ออกบวชเป็นพระภิกษุณี แล้วบรรลุคุณธรรมถึงความเป็น พระอรหันต์มีเป็นจำนวนมาก เช่น พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระอุบลวรรณาเถรี พระเขมาเถรี พระโสมาเถรี พระสุกกาเถรี พระปฏาจาราเถรี เป็นต้น ดังนั้นเพศหญิงไม่ได้เป็นเครื่องกั้นการบรรลุคุณธรรมแต่อย่างใด เมื่อสะสมปัญญาควรเพื่อการตรัสรู้ เป็นพระอรหันต์ ย่อมบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ แต่ในบางตำแหน่ง เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเจ้าจักรพรรดิ เป็นต้น ต้องเป็นเพศชายเท่านั้น

ภิกษุณีที่ถูกข่มขืนชื่อพระอุบลวรรณาเถรี ท่านเป็นพระอรหันต์เลิศทางด้านฤทธิ์ค่ะ เพศสตรีไม่เป็นใหญ่คือ ไม่สามารถเป็นพยาญามาร ไม่สามารถเป็นท้าวสักกะ ไม่สามารถเป็นพระพุทธเจ้า ไม่สามารถเป็นพระปัจเจก ไม่สามารถเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เหตุถูกต้อง ผลก็ย่อมถูกต้อง เหตุย่อมสมควรแก่ผล ปัญญาเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่สัตว์ บุคคลตัวตนแต่เป็นธรรมอย่างหนึ่ง เมื่อเกิดขึ้นย่อมรู้ตามความเป็นจริง ดังนั้น ปัญญาจึงไม่จำกัดเพศ หากเข้าใจหนทางในการดับกิเลสแล้ว ไม่ว่าเพศใดก็สามารถดับกิเลสเป็นพระอรหันต์ได้ครับ มารกล่าวว่า

สตรีมีปัญญาเพียงสองนิ้ว ไม่อาจถึงฐานะอันจะพึงอดทนได้ด้วยยาก ซึ่งท่านผู้แสวงทั้งหลายจะพึงถึงได้.

ครั้นโสมาภิกษุณีทราบว่า นี่คือมารผู้มีบาปแล้ว จึงได้กล่าวกะมารผู้มีบาปด้วยคาถาว่า ความเป็นสตรีจะทำอะไรได้ เมื่อจิตตั้งมั่นดีแล้ว เมื่อญาณเป็นไปแก่ผู้เห็นธรรมอยู่ โดยชอบ ผู้ใดพึงมีความคิดเห็นแน่อย่างนี้ว่า เราเป็นสตรี หรือว่าเราเป็นบุรุษ หรือจะยังมีความเกาะเกี่ยวว่า เรามีอยู่ มารควรจะกล่าวกะผู้นั้น (โสมาสูตร)

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๘๘

สตรีก็เป็นบัณฑิตได้

มิใช่แต่บุรุษจะเป็นบัณฑิตได้ในที่ทุกสถาน แม้สตรีมีปัญญาเห็นประจักษ์ ก็เป็นบัณฑิตได้ในที่นั้นๆ มิใช่บุรุษจะเป็นบัณฑิตได้ในที่ทุกสถาน แม้สตรีที่คิดความได้รวดเร็ว ก็เป็นบัณฑิตได้.

[เล่มที่ 54] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้าที่ ๑๗๘

ไม่ว่าเพศใด ปัญญาเกิดได้

พระโสมาเถรีกล่าวว่า เมื่อจิตตั้งมั่นดี เมื่อญาณเป็นไปอยู่ เมื่อเราเห็นแจ้งซึ่งธรรมโดยชอบ ความเป็นหญิงจะทำอะไรได้ เรากำจัดความเพลิดเพลินในสิ่งทั้งปวงแล้ว ทำลายกองแห่งความมืดได้แล้ว ดูก่อนมารผู้มีบาป ท่านจงรู้อย่างนี้ ดูก่อนมาร ผู้กระทำซึ่งที่สุด ตัวท่านถูกเรากำจัดแล้ว.

[เล่มที่ 54] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้าที่ ๑๑๑ โสมาเถรีคาถา

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

แม้เป็นพระอรหันต์ ท่านก็ยังมีอกุศลวิบากแต่ท่านไม่มีกุศลจิต หรืออกุศลจิต มีแต่จิตชาติวิบาก และชาติกิริยาตราบใดที่พระอรหันต์ยังไม่ดับขันธปรินิพพานท่านยังมีขันธ์ คือจิต เจตสิก (ที่ไม่มีกิเลส) มีรูปที่ยังเกิดดับ มีกุศลวิบาก อกุศลวิบากแต่ไม่มีความทุกข์ใจอันเนื่องจากขันธ์เหมือนปุถุชน

สาธุ

อนุโมทนาคะ

สภาพธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เกิดขึ้นและดับไปติดต่อกัน อย่างรวดเร็วตลอดเวลา เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของผู้ใดได้ จึงไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เหตุถูกต้อง ผลย่อมถูกต้อง เมื่ออบรมเจริญปัญญาจนบรรลุความเป็นพระอรหันต์ก็เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่หญิงหรือชาย

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็นที่ 10

สภาพธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง เกิดขึ้นและดับไปติดต่อกัน อย่างรวดเร็วตลอดเวลา เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของผู้ใดได้ จึงไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เมื่ออบรมเจริญปัญญาจนบรรลุความเป็นพระอรหันต์ก็เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิด ขึ้นตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่หญิงหรือชาย

ขออนุโมทนาครับ

ขออนุโมทนาค่ะ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ