ขอเรียนถามค่ะ
เมื่อเวลาที่เกิดทุกขเวทนาทางกายที่สาหัส (เช่น ปวดศีรษะอย่างแรง ปวดท้องอย่างแรง เจ็บปวดบาดแผล ฯลฯ) ขณะนั้นจิตใจย่อมรู้สึกกระสับกระส่าย ดังนั้น ควรจะวางใจอย่างไรให้เกิดปัญญา ขณะที่ต้องทนทุกข์กับทุกขเวทนานั้นคะ
ทุกขเวทนาทางกายที่สาหัส (เช่น ปวดศีรษะอย่างแรง ปวดท้องอย่างแรง เจ็บปวดบาดแผล ฯลฯ) ..เกิดจากผลของกรรมเป็นทุกข์ทางกายแม้แต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ก็มีทุกข์ทางกาย ขณะที่จิตใจย่อมรู้สึกกระสับกระส่ายไม่ใช่ผลของกรรม แต่เป็นกิเลสคือโทสะหรือทุกข์ทางใจ หากเข้าใจว่า เป็นการรับผลของกรรมเป็นธรรมอย่างน้อยก็คลายทุกข์ทางใจ คลายได้มากหรือน้อยขึ้นกับปัญญาที่สะสมมา ปัญญาไม่ได้เกิดขึ้นตามความต้องการเกิดจากการสะสมทีละเล็กละน้อย มีหนทางเดียวที่จะทำให้ปัญญาเกิดขึ้น เจริญขึ้น คือ อดทนที่จะฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงให้เข้าใจขึ้น ขณะที่เข้าใจนั้นคือปัญญา ซึ่งในขณะนี้สำหรับผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ก็เป็นผู้กำลังอดทนที่จะให้เกิดปัญญาทีละเล็กทีละน้อย ขณะใดที่ฟังแล้วเข้าใจเพียงเล็กน้อย นั่นก็เป็นปัญญาที่กำลังจะเจริญเติบโตขึ้นเมื่อฟังมากขึ้นต่อไปอีกเป็นปกติในชีวิตประจำวัน จึงมีหนทางเดียวเท่านั้นจริงๆ คือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจนั่นเอง (จากบทความของมูลนิธิฯ ที่มีผู้นำไปลงในwebนักเรียนนายร้อยลูกศิษย์ทูลกระหม่อมอาจารย์)
ขออนุโมทนาคะ
ขณะที่ได้รับทุกข์ทางกาย ให้รู้ว่าเป็นผลของอกุศลกรรม และเป็นเครื่องหมายเตือนให้ทำความดี ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ไม่ประมาท อบรมเจริญปัญญา อบรมเจริญกุศลทุกประการค่ะ
ต้องสะสมปัญญามากๆ จนกว่าจะรู้ว่าแม้ทุกข์ทางกายเป็นธรรมะอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ บุคคล กว่าจะเข้าถึงสภาพธรรมะแสนยากค่ะ
ขออนุโมทนาทุกความคิดเห็นค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ