อยากเรียนถามว่าสัญญาความทรงจำเรื่องต่างๆ ที่เป็นสภาพธรรมที่นึกได้จำได้กับสภาพที่นึกคิดต่างกันอย่างไรครับ แล้วสติระลึกรู้ที่สัญญาก่อน จากนั้นจึงมีสภาพคิดคิดถึงสัญญาที่ระลึกได้นั้นใช่หรือไม่ครับ
สภาพธรรมที่จำ กิริยาที่จำ ความจำ เป็นสัญญาเจตสิกส่วนสภาพที่นึกคิด ความตรึก จรดในอารมณ์ เป็นวิตกเจตสิก สติระลึกที่สภาพของสัญญา หรือวิตก หรือสภาพธรรมอื่นๆ ที่กำลังปรากฏ หลังจากนั้นย่อมมีสภาพคิดหรือสภาพของจิตเจตสิกอื่นๆ เกิดสลับอีกเป็นธรรมดาดังนั้นไม่ควรใส่ใจหรือห่วงว่าอะไรก่อนหลัง แต่สิ่งใดที่กำลังมีกำลังปรากฏทั้งหมดเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สัญญาเป็นเจตสิกที่เกิดกับจิตทุกดวง ขณะใดที่จิตใดเกิดขึ้นก็มีสัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย จำในสิ่งนั้น แม้ขณะที่จิตกำลังคิดนึกถึงเรื่องอะไร ขณะนั้นก็มีสัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย จำเรื่องราวสิ่งนั้นแต่ไม่ได้ทำหน้าที่คิดนึก ดังนั้นขณะที่คิดนึก ตรึกเป็นหน้าที่ของวิตกเจตสิก ซึ่งเกิดกับจิตเกือบทุกดวง ไม่ได้หมายความว่าเมื่อนึกอะไรขึ้นได้เป็นสัญญา ความจำที่ทำหน้าที่นึกขึ้นได้ แต่เพราะมีสัญญาเจตสิกเกิดขึ้นเคยจำเรื่องราวเมื่อเกิดเมื่ออดีต แล้ววิตกเจตสิกหรือสติเจตสิกเกิดขึ้นระลึก นึกถึงเรื่องนั้นได้ แต่ก็เพราะอาศัยสัญญาที่เคยจำไว้ในอดีตนั่นเองที่จำไว้เมื่ออดีต แต่วิตกเจตสิก ทำหน้าที่คิดหรือระลึกได้ในปัจจุบันครับ วิตกเจตสิกเกิดกับจิตที่เป็นกุศลหรืออกุศลก็ได้ครับ สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกประเภท สติเจตสิกเกิดกับจิตที่ดีงาม
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขณะที่จำได้ มีสัญญาเจตสิก และเจตสิกอื่นๆ ตามสมควร เกิดขึ้นพร้อมกับจิตครับ ขณะที่คิดนึก มีสัญญาเจตสิก วิตกเจตสิก และเจตสิกอื่นๆ เกิดขึ้นพร้อมกับจิตครับ ถ้าเป็นสติจริงๆ ไม่เลือกระลึกครับ อะไรเป็นที่ตั้งให้เกิดการระลึกได้ เป็นไปในกุศลสติก็เกิดขึ้น ระลึกไปในสิ่งนั้น ส่วนการคิดถึงบัญญัติของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นดับไป ที่สติระลึกได้ สัญญาจำได้ วิตกคิดตรึกได้ ก็เกิดขึ้นเป็นไปตามธรรมดา เป็นปกติครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ