อยากทราบว่าในพระไตรปิฎกได้กล่าวความหมายของ บาป , กิเลส , ตัณหา ไว้ในเล่มไหน ข้อไหนบ้างครับ? ยกตัวอย่างที่ผมค้นเจอ เช่น [๗๙๓] โทสะ
เป็นไฉน? อาฆาตย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยคิดว่า ผู้นี้ได้กระทำความเสื่อมเสียแก่เรา
อาฆาตย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยคิดว่า ผู้นี้กำลังทำความเสื่อมเสียแก่เรา ... (พระ
ไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑ ธรรมสังคณีปกรณ์) ทำนอง
นี้อ่ะครับ
ขอบคุณครับ
ความหมายของคำดังกล่าวมีทั่วไปในพระไตรปิฎกและอรรถกถา แต่บางคำ
อาจจะไม่มีโดยตรงตามทีท่านต้องการ โปรดอ่านข้อความบางตอนที่หามาจาก
พระไตรปิฎกและอรรถกถา
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑- หน้าที่ 162 พึงทราบในคาถาที่สอง. บทว่า สพฺพปาปสฺส ได้แก่อกุศลทุกชนิด.บทว่า อกรณํ คือไม่ให้เกิดขึ้น. บทว่า กุสลสฺส ได้แก่กุศลอันมีในภูมิ ๔.บทว่า อุปสมฺปทา คือได้เฉพาะ. บทว่า สจิตฺตปริโยทปนํ คือยังจิตของตนให้สว่าง. ก็บทนั้นย่อมมีได้โดยความเป็นพระอรหันต์ ด้วยประการดังนี้บรรพชิตควรละบาปทั้งปวงด้วยศีลสังวร ยังกุศลให้ถึงพร้อมด้วยสมถะและวิปัสสนาทั้งหลาย ยังจิตให้ผ่องแผ้วด้วยอรหัตตผล นี้เป็นคำสอน คือ เป็น
โอวาท คือ เป็นคำตักเตือนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 120 บทว่า ปาปํ น กยิรา แปลว่า ไม่ควร ทำบาปนั้น สมควรที่จะกล่าว
แม้ด้วยสามารถแห่งกุศลกรรมบถ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกายคาถา
ธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 215 คนพาลประสบทุกข์เพราะ
บาปกรรม ก็เมื่อคนพาลกระทำบาป คืออกุศลกรรมอยู่ กรรมนั้นย่อมปรากฏ
ดุจน้ำผึ้ง คือดุจน้ำหวาน ได้แก่ประดุจน่าใคร่ น่าชอบใจ, คนพาลนั้น
ย่อมสำคัญ บาปนั้น เหมือนน้ำหวาน ด้วยประการฉะนี้.
ขอเชิญคลิกอ่าน
ความหมายของ ตัณหา อธิบายโดยนัย โลภะ [ธรรมสังคณี]