[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 376
เถราปทาน
ภิกขทายิวรรคที่ ๑๑
เรณุปูชกเถราปทานที่ ๑๐ (๑๑๐)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาดอกกระถินพิมาน
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 376
เรณุปูชกเถราปทานที่ ๑๐ (๑๑๐)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาดอกกระถินพิมาน
[๑๑๒] เราได้เห็นพระสัมพุทธเจ้ามีพระฉวีวรรณดังทองคำ มี พระรัศมีเปล่งปลั่ง ดุจพระอาทิตย์ยังทิศทั้งปวงให้สว่างไสว ดังพระจันทร์วันเพ็ญ.
อันพระสาวกทั้งหลายแวดล้อม ดุจแผ่นดินอันแวดล้อม ด้วยสาคร จึงถือเอาดอกกระถินพิมานไปบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี.
ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอก กระถินพิมานใด ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็น ผลแห่งพุทธบูชา.
ในกัปที่ ๔๕ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิจอม กษัตริย์มีพระนามว่า เรณุ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มี พละมาก.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระเรณุปูชกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบเรณุปูชกเถราปทาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 377
๑๑๐. อรรถกถาเรณุปูชกเถราปทาน
อปทานของท่านพระเรณุปูชกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระชินเจ้าผู้ประเสริฐ องค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า วิปัสสี บังเกิดในเรือนมี ตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา บรรลุนิติภาวะ แล้ว เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าโชติช่วงอยู่ประดุจกองเพลิง มีใจเลื่อมใส ถือเอาเกสรดอกกระถินพิมานบูชา. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรง กระทำอนุโมทนา.
ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ท่องเที่ยวไปใน เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เสวยสมบัติทั้งสอง เป็นผู้อันเขาบูชาแล้ว ในที่ ทั้งปวง ในภพที่ตนเกิดแล้วๆ ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดขึ้นเรือนมี ตระกูล บรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา ด้วยกำลังแห่งวาสนา ของตน บวชในพระศาสนาไม่นานนัก ก็ได้เป็นพระอรหันต์ เห็นบุพกรรมของตนด้วยทิพยจักษุ เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ ดังนี้. คำนั้นมีอรรถดังกล่าว แล้วในหนหลังแล. บทว่า สตรํสีว ภาณุมํ ความว่า รังสี คือรัศมี มี ประมาณ ๑๐๐ คือมีร้อยเป็นประมาณ ของพระอาทิตย์ใดมีอยู่ พระอาทิตย์ นั้น ชื่อว่า มีรัศมีกำหนดตั้งร้อย. ท่านกล่าว สตรํสี เพื่อสะดวกแก่ การประพันธ์คาถา. อธิบายว่า มีรัศมีหลายร้อยหลายแสน รัศมีท่านเรียกว่า ภาณุ (พระอาทิตย์) , แสงคือ รัศมีของผู้ใดมีอยู่ ผู้นั้นชื่อว่า ผู้มีรัศมี
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 378
ความว่า เราได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่าวิปัสสี ผู้เป็นดัง พระอาทิตย์ กล่าวคือผู้มีรัศมี ถือเอาเกสรดอกกระถินพิมาน ปลูกสร้าง ทำการบูชา. คำที่เหลือมีอรรถง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาเรณุปูชกเถราปทาน
จบอรรถกถาวรรคที่ ๑๑
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้
๑. ภิกขาทายกเถราปทาน ๒. ญาณสัญญิกเถราปทาน ๓. อุปลหัตถิยเถราปทาน ๕. ปทปูชกเถราปทาน ๕. มุฏฐิปุปผิยเถราปทาน ๖. อุทกปูชกเถราปทาน ๗. นฬมาลิยเถราปทาน ๘. อาสนุปัฏฐายเถราปทาน ๙. พิฬาลิทายกเถราปทาน ๑๐. เรณุปูชกเถราปทาน.
มีคาถา ๖๖ คาถา.