สนทนาปัญหาธรรม วันอังคารที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๗
อ.อรรณพ: ท่านอาจารย์ก็กล่าวด้วยความมั่นคงอยู่เนืองๆ ว่า ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งคนที่ชื่อว่าชาวพุทธ นี่เขาก็หลงว่าเขาฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้นแหละ แต่ว่าในเมื่อฟังแล้วคิดไปอีกแบบซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่รู้ตัวว่า ฟังแล้วคิดเอง เช่นฟังว่า สละวางทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เลยคิดว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พยายามไปละวาง แล้วเขาก็คิดว่า เขาฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกัน ไม่ใช่แค่ท่านอาจารย์หรือ มศพ.ที่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ฟังไปก็ไปคนละอย่าง หรือบ้างก็บอกว่าเหมือนกันแหละ เดี๋ยวก็ไปเจอกันเอง อะไรอย่างนี้
ท่านอาจารย์จะมีคำเตือนอะไรตรงนี้ ซึ่งท่านอาจารย์เตือนอยู่บ่อยๆ แล้ว กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ
ท่านอาจารย์: หนทางเดียว คือพูดคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ให้เข้าใจในความลึกซึ้ง แม้แต่คำว่า ธรรม คำเดียว ทั้งหมดที่ได้ฟังต้องไปสรุปอยู่ที่ธรรมแน่นอน ทุกอย่างเป็นธรรมเพราะมีจริงๆ และเป็นอนัตตา มิเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อ.อรรณพ: อันนี้ชัดเจน แล้วก็เป็นตั้งแต่เบื้องต้นว่า ธรรมคืออะไร คือสิ่งที่มีจริง และสิ่งที่มีจริงเป็นอนัตตา ไม่ใช่มีจริงแล้วเป็นอัตตา แต่มีจริงแล้วเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เราครับ
ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ก็เป็นผิดไปหมดเลย เพราะว่ามีความเข้าใจผิดนำ ก็เป็นความเป็นผิด หลงผิดว่ารู้แล้ว หลุดพ้นแล้วก็ไปกันใหญ่
ขอเชิญฟังได้ที่ ...
ธรรมคือสิ่งที่มีจริง
ผู้ที่ละเอียดจึงฟังธรรมเข้าใจได้
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลค่ะน้องเมตตา