พรหมจรรย์ หมายถึงความประพฤติที่ประเสริฐ คือ ความดีทั้งหลาย ศาสนาใดๆ ในโลกที่สอนให้กระทำความดี เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้น แต่ทางพระพุทธศาสนานั้นเป็นเพียงเบื้องต้นแห่งความประพฤติที่ประเสริฐเท่านั้น แต่การประพฤติที่ประเสริฐจริงๆ คือการดับกิเลสหมด นั้นคือ ความดีสูงสุดซึ่งเป็นมรรคพรหมจรรย์ สามารถออกจากทุกข์ ได้แล้วจะประพฤติอย่างไรจึงเป็นหนทางสู่มรรคพรหมจรรย์ ซึ่งก็คือ หนทางที่จะรู้ความจริง มรรคหนทางก็มี โลกียมรรค และ โลกุตตรมรรค โลกียมรรคเป็นหนทางการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ส่วนโลกุตตรมรรคนั้น เป็นการดับกิเลสตามลำดับมรรค สูงสุดขณะอรหัตตมรรคเกิดดับกิเลสหมดสิ้นเป็นสมุจเฉทไม่มีการเกิดในภพต่อไป
ประโยชน์สูงสุดขณะนี้คืออะไร? ประโยชน์สูงสุดที่ขณะนี้เกิดมา ได้มีโอกาสเข้าใจธรรม เข้าใจสิ่งที่มีขณะนี้ สำนึก และรู้ประโยชน์จริงๆ จุดประสงค์ด้วยความเข้าใจจริงๆ ความดีทุกอย่างเป็นพรหมจรรย์ ประพฤติสิ่งที่ดี และสูงสุดก็คือการเข้าใจความจริงที่กำลังมีขณะนี้ ค่อยๆ เข้าใจว่าเป็นธรรม ขณะนี้มีธรรม มีเห็น มีได้ยิน...มีคิด
ตลอด ๔๕ พรรษาที่ทรงแสดงให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏแต่ละทางว่า ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม เพื่อละความติดข้อง ละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ค่อยๆ อบรมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏ กำลังค่อยๆ ละความติดข้อง เพราะรู้ว่า ธรรมนั้นละเอียดลึกซึ้ง คนที่ฟังแล้วจะไปปฏิบัติ ก็ยังเป็นเราที่จะไปปฏิบัติ เพราะว่ายังฟังไม่เข้าใจ แค่คิดจะปฏิบัติแสดงว่าไม่เข้าใจธรรม แม้ฟังเข้าใจธรรมที่กำลังปรากฏก็เป็นปริยัติแม้ยังไม่ถึงปฏิปัตติก็ตาม แต่ก็เข้าใจที่จะไม่ไปปฏิบัติ เพราะเข้าใจหนทางที่ถูกต้องหนทางสู่มรรคพรหมจรรย์ ซึ่งสามารถดับกิเลสได้ด้วยปัญญาที่ค่อยอบรมเจริญขึ้น ไม่ใช่ด้วยความเป็นเราที่จะไปละกิเลส
................................................................
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 207
๘. ปฐมนกุหนาสูตร ว่าด้วยแนวปฏิบัติพรหมจรรย์
[๒๑๓] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้ ภิกษุไม่อยู่ประพฤติเพื่อจะหลอกลวงชน ไม่อยู่ประพฤติเพื่อประจบคน ไม่อยู่ประพฤติเพื่ออานิสงส์ คือ ลาภ สักการะ ความสรรเสริญ ไม่อยู่ประพฤติ ด้วยคิดว่า ชนจงรู้จักเราด้วยอาการอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ที่แท้พรหมจรรย์นี้ ภิกษุย่อมอยู่ประพฤติเพื่อการสำรวมและเพื่อการละ.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ได้ทรงแสดงพรหมจรรย์ เครื่องกำจัดจัญไร อันเป็นเหตุให้ถึงฝั่ง คือ นิพพาน เพื่อการสำรวม เพื่อการละ ทางนี้ พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้มีประโยชน์ใหญ่ ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ ทรงดำเนินไปแล้ว ชนเหล่าใดๆ ย่อมปฏิบัติพรหมจรรย์นั้น ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ชนเหล่านั้นๆ ผู้กระทำตามคำสั่งสอนของพระศาสดา จักกระทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ได้.
เนื้อความแม้นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบปฐมนกุหนาสูตรที่ ๘
......................................................................................
ไม่มีหนทางอื่น นอกจากฟังให้เข้าใจ สิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ละอย่าง ที่เกิดปรากฏแล้วหมดไป ไม่มีเรา ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในสิ่งที่กำลังปรากฏ แม้สิ่งนั้นไม่ปรากฏแต่อัตตสัญญาที่จำไว้มั่นคงว่ามี จึงยังไม่สามารถคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราได้ ไม่สามารถคลายความติดข้องได้ กว่าจะคลายความเป็นตัวตนอีกนาน ไม่ต้องหวังว่าจะเร็ว เพราะความไม่รู้มีมาก... หนทางเดียวที่สู่มรรคพรหมจรรย์... ความดีสูงสุดถึงการดับกิเลสเป็นสมุจเฉท
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ..
สาธุครับ พี่เมตตา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เข้าใจพระธรรมก็เป็นการ เกื้อกูล ตนและบุคคลอื่่นๆ ธัมมานุธัมมปฎิปัตติ
สาธุค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่เมตตาด้วยครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ