ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ทุกขณะ ไม่ใช่เรา"
ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี
วันเสาร์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๔
~ ไม่มีความละเอียดแล้วจะเข้าใจธรรมได้หรือ?
~ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ พระองค์ตรัสรู้ความไม่เอียดและความไม่รู้ของสัตว์โลก เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงแสดงความละเอียดอย่างยิ่ง ที่จะให้รู้ว่าแต่ละคำที่พระองค์ตรัส สามารถที่จะเข้าใจและประพฤติปฏิบัติตามได้ ตั้งแต่เริ่มต้น คือ ขั้นฟัง
~ ขัดเกลากิเลส ไม่ใช่ไปขัดเกลาเมื่อฟังธรรมแล้วขัดเกลา แต่กำลังฟัง ต้องขัดเกลากิเลสในขณะที่ฟังด้วย
~ ได้ยินคำว่าคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยากเข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าธรรมลึกซึ้ง ทุกอย่างที่มีจริงๆ ลึกซึ้งมาก แม้แต่ขณะเดี๋ยวนี้ที่กำลังฟัง ก็ลึกซึ้ง
~ ได้ยินคำอะไร โลภะอยากรู้ ได้ยินอีก อยากรู้อีก แต่ไม่คิดว่าเข้าใจคำนั้นจริงๆ หรือเปล่า
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงสิ่งที่มีจริงทุกอย่าง ละเอียด โดยประการทั้งปวง
~ ถ้าเขามุ่งที่จะไปเข้าใจคำ แต่ไม่เข้าใจสิ่งที่ปรากฏ เขาไม่สามารถจะเข้าใจได้
~ ต้องไม่ลืม ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ว่าจะตรัสคำอะไรทั้งหมด
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีจริงๆ ให้เข้าใจถูกต้อง ต้องไม่ลืมว่าทุกคำของพระองค์ เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีตลอดชีวิตทุกอย่าง
~ ทุกคนเห็น ทุกคนได้ยิน ทุกคนคิด แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้แล้วทรงแสดงความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้ การตรัสรู้หมายถึง รู้ความจริงของทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังมีทุกๆ ขณะถึงที่สุด
~ ถ้าไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่กำลังมี ไม่มีประโยชน์เลย ไม่ว่าจะฟังอะไร
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ฟังแล้วให้คนอื่นบอก แต่เป็นคำที่ให้คนนั้นไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจของเขา
~ ตรงต่อความจริง คือ สัจจะ สิ่งที่มีจริงๆ ใครบอกว่า ไม่มี ไม่ได้ เพราะกำลังมี เพราะฉะนั้น สัจจะ คือ มีสิ่งที่มีจริงๆ แน่นอน เมื่อมีจริงก็ต้องมีจริงๆ สิ่งที่มีจริง เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นั่นคือ ความหมายของสิ่งนั้น ว่า สิ่งนั้น ต้องเป็นสิ่งนั้นอย่างเดียว
~ เข้าใจธรรมมั่นคงแล้วใช่ไหม ว่า ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง ทุกอย่าง
~ สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ไม่เกิด จะมีไหม? ใครทำให้เกิดได้ไหม? หรือเกิดได้อย่างไร? เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย นี่คือ ความหมายของสังขารธรรม เพราะฉะนั้น ธรรม ที่มีปัจจัยเกิดแล้วดับ ทุกอย่าง เป็นสังขารธรรม เพราะเกิดเองไม่ได้
~ ทุกขณะเป็นธรรมที่มีปัจจัยเกิดแล้วดับ ไม่มีเราเลย เห็นเป็นเห็น ดับแล้ว ได้ยินเป็นได้ยิน ดับแล้ว ไม่ใช่เรา ไม่เป็นของใครเลยทั้งสิ้น เราจะเริ่มด้วยการเข้าใจมั่นคงจริงๆ ในคำที่ได้ฟัง ไม่ใช่จำแล้วลืมแล้วสงสัย
~ ถ้าคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทำให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ มีประโยชน์ไหม?
~ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ให้รู้ว่าเป็นสิ่งที่มีจริง กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ แล้วสิ่งนั้นเป็นอะไร? เดี๋ยวนี้ มีเห็น เห็นเกิดแล้วเห็นดับ ใครรู้? ถ้าไม่ใช่การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสรู้อย่างนี้ จึงทรงแสดงความจริงอย่างนี้ ด้วยคำพูดที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง ให้คนได้ค่อยๆ เข้าใจ พระองค์ตรัสให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง เมื่อเข้าใจแล้ว ไม่เปลี่ยนเลย เปลี่ยนไม่ได้ เพราะเป็นความจริงถึงที่สุด
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสถึงสังขารธรรม ไม่ใช่ให้จำคำนี้ แต่ให้รู้ว่าเดี๋ยวนี้ (คือ) อะไร ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง
~ สิ่งที่กำลังปรากฏ มีแล้ว ไม่มี เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่เกิด ดับทันที
~ ศึกษาธรรม ต้องไม่ลืม เพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมี ซึ่งลึกซึ้ง อย่างแรก ก็คือ ให้รู้ว่า สิ่งนี้ต้องเกิด ไม่มีใครไปทำให้เกิด (แต่) มีปัจจัยให้เกิด เกิดแล้วดับ ทุกอย่างที่ปรากฏ เป็นอย่างนี้ สิ่งที่เป็นอย่างนี้ เป็นสังขารธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง เกิดเพราะมีปัจจัย แล้วก็ดับไป
~ ตั้งแต่เกิดมา มีเรา หรือว่า มีธรรมที่เป็นสังขารธรรม?
~ สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา ไม่มีอะไรที่เป็นของใครทั้งหมด ถูกหรือผิด?
~ ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกชาติ มีเห็น มีได้ยิน มีคิด มีจำ ทั้งหมดที่มี เกิดดับๆ เป็นสังสารวัฏฏ์ (สภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อเป็นไปอย่างไม่ขาดสาย)
~ ต้องเป็นผู้ที่ตรงว่า ธรรม เป็นสิ่งที่รู้ยาก ได้ยินคำว่าสิ่งนี้กำลังเกิดดับ แต่เมื่อความเกิดดับไม่ปรากฏ ก็ยังคงเป็นเรา
~ ต้องฟังทุกคำ ไม่ประมาทในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละคำ ว่า ต้องเข้าใจจริงๆ
~ ประมาทคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้เลย ต้องเป็นเรื่องของความเข้าใจ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการจำ เพราะถ้าจำ ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ ก็ยังสงสัย
~ สภาพธรรมทุกอย่าง กำลังเกิดดับ แต่เพราะไม่รู้ จึงเข้าใจว่าสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นเราเห็น เป็นเราได้ยิน และสิ่งที่ถูกเห็นถูกได้ยิน เป็นอย่างหนึ่งอย่างใดเสมอ
~ ฟังให้เข้าใจจริงๆ ก่อน เมื่อเข้าใจจริงๆ แล้ว การเข้าใจเพิ่มขึ้นก็จะทำให้สามารถรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏเพิ่มขึ้น
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจในขั้นการฟัง ก็ไม่สามารถที่จะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไป เพราะฉะนั้น ก็ยังคงมีความจำว่าเป็นเราหรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะสิ่งนั้นไม่ปรากฏว่าดับ แต่ความจริงเกิดดับสืบต่อ
~ ประโยชน์อยู่ที่ทุกคำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ซึ่งเกิดดับ และถ้าไม่มีความเข้าใจเลย ก็ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงนี้ได้
~ ธรรมลึกซึ้ง ต้องเข้าใจทุกคำ ทีละคำ
~ ความหมายของขันธ์ ต้องละเอียดว่า หมายความถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นั้น ไกลหรือใกล้ หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต นี่แสดงว่า แต่ละหนึ่งหลากหลายมาก เพื่อแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่มีจริงเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนกับใคร ที่ตัวเองหรือที่คนอื่น ภายในภายนอก ทุกอย่างหมด ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วดับ เป็นขันธ์ทั้งหมด
~ ได้ฟัง รู้เรื่อง แต่ยังไม่รู้ตัวจริงของธรรมซึ่งเกิดดับเร็วสุดที่จะประมาณได้ แต่เริ่มเข้าใจความจริงว่าทุกอย่างเกิดแล้วดับไม่เหลือเลย แต่สืบต่อกันเร็วมาก สนิทมาก เหมือนไม่ดับเลย
~ ได้ยินคำว่า จิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เข้าใจ ได้ยินคำว่า เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต) เข้าใจ ได้ยินคำว่า รูป (สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร) เข้าใจ ต้องเข้าใจขันธ์ ด้วย ว่า แต่ละหนึ่งของจิต แต่ละหนึ่งของเจตสิก แต่ละหนึ่งของรูป เกิดดับ ไม่กลับมาอีกเลย
~ เขาไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง จึงมีความติดข้องในสิ่งที่ปรากฏ เหมือนสิ่งนั้นไม่ได้ดับเลย เพราะฉะนั้น เขาติดข้อง ในแต่ละหนึ่งของธรรมซึ่งเกิดดับ จึงมีคำว่าอุปาทานขันธ์ เพราะไม่รู้ความจริงของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น จึงมีความติดข้องในทุกสิ่งทุกอย่างแต่ละหนึ่งๆ
~ ความติดข้อง เป็นอุปาทาน ยึดมั่นไม่ปล่อยเลย ว่า แต่ละหนึ่งขันธ์ที่เกิดดับ เพราะไม่รู้ จึงรวมเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ยั่งยืนไม่เกิดดับ แต่ความจริง คือ อนิจจัง (ไม่เที่ยง) ทุกขัง (เป็นทุกข์) และ อนัตตา ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนได้ และไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
~ เริ่มมั่นคง ว่า ศึกษาธรรมคืออะไร เพื่อเข้าใจอะไร นี่จึงจะเป็นการศึกษาธรรม ไม่ใช่แค่จำคำแล้วก็ไม่เข้าใจ
~ ต้องไม่ลืมว่า ธรรม ละเอียดลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ได้ เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาให้เข้าใจจริงๆ ทุกคำ
~ ต้องไม่ลืมว่าศึกษาธรรม เพื่อเข้าใจธรรมที่มีเดี๋ยวนี้ ที่มีจริงๆ เพราะฉะนั้น จะเข้าใจธรรม เมื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมีจริงๆ มิฉะนั้น ไม่ชื่อว่าเข้าใจ
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ได้ฟัง รู้เรื่อง แต่ยังไม่รู้ตัวจริงของธรรมซึ่งเกิดดับเร็วสุดที่จะประมาณได้ แต่เริ่มเข้าใจความจริงว่าทุกอย่างเกิดแล้วดับไม่เหลือเลย แต่สืบต่อกันเร็วมาก สนิทมาก เหมือนไม่ดับเลย
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
กราบขอบพระคุณยินดีในกุศล อ.คำปั่น และทุกท่าน ในการถ่ายทอดพระธรรมด้วยค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์
สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และอนุโมทนาค่ะ
ถ้าเขามุ่งที่จะไปเข้าใจคำ แต่ไม่เข้าใจสิ่งที่ปรากฏ เขาไม่สามารถจะเข้าใจได้ น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ