เช่น ค้างคาวในถ้ำฟังเสียงสวด แม้ไม่เข้าใจความหมายก็เป็นกุศล เมื่อตายแล้วก็ปฏิสนธิในเทวภูมิ?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓- หน้า ๓๑๕
ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสป ภิกษุเหล่านั้นเป็นค้างคาวหนูห้อยอยู่ที่เงื้อมแห่งหนึ่ง เมื่อพระเถระ ๒ รูป จงกรมแล้ว ท่องอภิธรรมอยู่ ได้ฟังถือเอานิมิตในเสียงแล้ว ค้างคาวเหล่านั้นไม่รู้ว่า "เหล่านั้น ชื่อว่าขันธ์ เหล่านี้ ชื่อว่าธาตุ" ด้วยเหตุสักว่าถือเอานิมิตในเสียงเท่านั้น จุติจากอัตภาพนั้น แล้วเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติสิ้นพุทธันดรหนึ่ง จุติจากเทวโลกนั้นแล้ว เกิดในเรือนตระกูล ในกรุงสาวัตถี เกิดความเลื่อมใสในยมกปาฏิหาริย์ บวชในสำนักของพระเถระแล้ว ได้เป็นผู้ชำนาญในปกรณ์ ๗ ก่อน กว่าภิกษุทั้งปวง แม้พระศาสดาก็ทรงแสดงอภิธรรมโดยทำนองนั้นแล ตลอด ๓ เดือนนั้น.
สัตว์ดิรัจฉาน เกิดด้วยผลของอกุศลกรรม ปฏิสนธิจิต ไม่มีสภาพธรรมฝ่ายดีใดๆ เกิดร่วมด้วยได้เลย ไม่มีอโลภะ อโทสะ และ อโมหะ เกิดร่วมด้วย ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้เลย แต่สัตว์ดิรัจฉาน ก็มีกุศลจิตเกิดได้ ตามสมควร แม้ในการฟังพระธรรม อย่างเช่น ค้างคาว ที่ฟังพระเถระ ๒ รูป สาธยายพระอภิธรรม ก็เป็นการถือนิมิตในเสียง มีความเคารพนอบน้อม สภาพจิตที่ดีงามเกิดขึ้น เพราะเคยสะสมการได้ยินได้ฟังพระธรรมมาแล้ว กุศลจิตสามารถเกิดขึ้นได้ จึงเป็นเหตุนำมาซึ่งผลที่ดี ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ