เป็นการศึกษาตามลำดับ คือตั้งแต่ขั้นเข้าใจว่า ธรรมคืออะไร ธรรม คือสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ตรวจสอบความรู้ได้ว่า ถ้ายังไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงในขณะนี้เลย ต้องอาศัยการฟัง จึงสามารถที่จะเข้าใจว่า สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เป็นธรรมอย่างไร เช่น ในขณะนี้ซึ่งได้ยินเสียง เสียงมีแน่นอน แต่ถ้าไม่มีสภาพรู้ เสียงก็ไม่ปรากฏ สภาพรู้เป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่างใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งต่างกับรูปธาตุ เพราะว่ารูปธาตุไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย แต่นามธาตุหรือนามธรรมต่างกัน เพราะว่า นามธาตุไม่มีรูปร่าง แต่นามธาตุเป็นธาตุซึ่งเมื่อเกิดแล้วต้องรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด จึงเป็นนามธาตุ ซึ่งได้ แก่จิตและเจตสิก ในขณะนี้กำลังเกิดพร้อมกัน แล้วก็ดับพร้อมกัน
ในขณะที่เสียงปรากฏ หมายความว่า ต้องมีธาตุรู้เสียง คือได้ยิน ถ้าไม่มีธาตุรู้ มีแต่เพียงรูป ไม่มีสัตว์ บุคคลในที่นี้เลย แม้ว่ามีเสียงในศาลา เสาก็ได้ยินไม่ได้ พัดลมก็ได้ยินไม่ได้ อะไรๆ ก็ได้ยินไม่ได้ เพราะว่าไม่ใช่ธาตุรู้ ไม่ใช่สภาพรู้
แต่ที่สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะมีปรากฏในโลกได้ เพราะมีธาตุรู้เกิดขึ้น และต้องรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ จึงเห็น จึงได้ยิน จึงได้กลิ่น จึงลิ้มรส จึงได้รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย จึงคิดนึกต่างๆ เป็นลักษณะของธาตุรู้ ซึ่งไม่ใช่เราเป็นสภาพของนามธรรมคือ จิตและเจตสิก
เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นที่จะอบรมเจริญปัญญาถึงขั้นที่จะรู้แจ้งลักษณะของสภาพธรรม ก็ต้องมีการศึกษาเรื่องของธรรมะให้เข้าใจจริงๆ ก่อนว่า ขณะนี้ทุกอย่างที่ปรากฏที่มีจริง เป็นธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๒ อย่าง คือ เป็นนามธรรมหรือเป็นรูปธรรม
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ