[คำที่ ๙๗] ปริยตฺติ ปฏิปตฺติ ปฏิเวธ‏
โดย Sudhipong.U  4 ก.ค. 2556
หัวข้อหมายเลข 32217

ภาษาบาลี ๑ คำ  คติธรรมประจำสัปดาห์ ปริยตฺติ  ปฏิปตฺติ  ปฏิเวธ

คำว่า ปริยตฺติ ปฏิปตฺติ และปฏิเวธ ทั้ง ๓ คำนี้ เป็นคำภาษาบาลีทั้งหมด มีความสำคัญอย่างยิ่ง มีความหมายตามลำดับ ดังนี้

ปริยตฺติ อ่านว่า  ปะ -  ริ - ยัด - ติ (นิยมแปลทับศัพท์ว่า  ปริยัติ) แปลว่า ระเบียบคำอันควรศึกษาโดยรอบ หมายถึง พระพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง  ตลอด ๔๕  พรรษา เป็นไปเพื่อปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด รวมถึงอรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคำอธิบายต่างๆเพื่อให้เข้าใจในหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วย ดังนั้น การศึกษาปริยัติ  จึงเป็นการศึกษาเรื่องของธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งไม่ใช่การจำคำภาษาบาลีได้แล้วก็พูดคำที่ไม่รู้จัก

ปฏิปตฺติ อ่านว่า ปะ - ติ - ปัด - ติ (นิยมแปลทับศัพท์ว่า ปฏิบัติ) แปลว่า การถึงเฉพาะ ซึ่งหมายถึง สัมมาปฏิบัติ คือ การปฏิบัติชอบ การปฏิบัติถูกต้อง ได้แก่ขณะที่สภาพธรรมฝ่ายดีเกิดขึ้นทำกิจของตน เป็นไปในกุศลขั้นต่างๆ โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมขั้นวิปัสสนาภาวนา หมายถึง ขณะที่สติและปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรม และรู้ความจริงว่าเป็นเพียงนามธรรมรูปธรรมเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์  ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย และไม่มีใครเป็นผู้ปฏิบัตินอกจากสติและปัญญาพร้อมด้วยธรรมฝ่ายดีที่เกิดร่วมด้วยทำหน้าที่ปฏิบัติกิจของตนๆ ความเข้าใจถูกต้องในเรื่องความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม จะเป็นปัจจัยให้มีการปฏิบัติที่ถูกต้องและละความยึดถือความเป็นตัวตนได้ในที่สุด  ดังนั้น  ปฏิบัติธรรม จึงไม่ใช่เรื่องทำ ไม่ใช่การไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ด้วยความติดข้องต้องการ ไม่ใช่การไปนั่งสมาธิ ไม่ใช่การไปเดินจงกรม ไม่ใช่การไปทำอะไรที่เป็นรูปแบบที่ผิดไปจากความเป็นจริงของธรรม แต่ว่าขณะใดก็ตามที่สติระลึกถึงสิ่งที่กำลังปรากฏพร้อมกับปัญญาพิจารณารู้ชัดในสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ในขณะนั้น เป็นปฏิปัตติธรรม เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง ซึ่งถ้าไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ในขั้นของปริยัติแล้ว ไม่มีทางที่จะเป็นเหตุให้มีการปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องได้เลย มีแต่จะทำให้ปฏิบัติผิด พอกพูนอกุศล มีความไม่รู้ ความติดข้อง และความเห็นผิด เป็นต้น ให้หนาแน่นมากยิ่งขึ้น

ปฏิเวธ อ่านว่า  ปะ - ติ - เว -  ทะ (นิยมแปลทับศัพท์ว่า  ปฏิเวธ) แปลว่า การแทงตลอด หมายถึง การตรัสรู้ธรรม บรรลุมรรคผล นิพพาน ซึ่งเป็นการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้น อันเป็นผลจากการศึกษาปริยัติและปฏิบัติที่ถูกต้อง

ข้อความจาก พระวินัยปิฎก  มหาวิภังค์ แสดงถึงความสำคัญตั้งแต่การศึกษาปริยัติ ไว้ว่า

ปริยัติอันบุคคลเรียนดีแล้ว คือ จำนงอยู่ซึ่งความบริบูรณ์แห่งคุณ มีสีลขันธ์เป็นต้นนั่นแล เรียนแล้ว ไม่เรียนเพราะเหตุมีความโต้แย้ง เป็นต้น ปริยัตินี้ ชื่อว่าปริยัติมีประโยชน์ที่จะออกจากวัฏฏะ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาตรัสไว้ว่า ธรรมเหล่านั้น อันกุลบุตรเหล่านั้นเรียนดีแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน แก่กุลบุตรเหล่านั้น ข้อนั้นเพราะอะไรเป็นเหตุ? ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ข้อนั้น เพราะธรรมทั้งหลาย อันกุลบุตรเหล่านั้นเรียนดีแล้ว.


ปัญญาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ต้องมาจากปริยัติธรรม คือ การฟัง การศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะเห็นได้ว่าพระอริยสาวกทั้งหลายในอดีตอาศัยการศึกษาปริยัติธรรมแล้วจึงถึงความเป็นพระอริยบุคคล จะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวซึ่งกล่าวว่าปัญญาที่ได้มาที่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ที่สามารถประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมนั้น ไม่ได้เกิดจากการฟังพระธรรม ไม่สามารถที่จะกล่าวอย่างนี้ได้เลย เพราะปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก ต้องเริ่มที่การฟังพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง บุคคลผู้ที่เห็นคุณของพระรัตนตรัย มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ย่อมไม่ขาดการฟังพระธรรมซึ่งเป็นปริยัติธรรม มิฉะนั้นแล้วชีวิตวันหนึ่งๆ ก็อยู่ไปๆ โดยไม่รู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง ข้อสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม คือ ต้องรู้ว่าเพื่อน้อมประพฤติปฏิบัติตามเท่าที่สามารถจะกระทำได้ โดยที่ไม่เพียงแค่ฟังเท่านั้น แต่ต้องฟังเพื่อที่จะได้ประพฤติปฏิบัติตามด้วย จึงชื่อว่าเป็นผู้ที่เคารพในพระธรรมจริงๆ

การศึกษาตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ต้องเป็นไปตามลำดับ กล่าวคือ ผู้ศึกษาต้องฟังพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ก่อน ซึ่งเป็นการศึกษาในขั้นของปริยัติ คือ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อฟังเข้าใจแล้วจึงน้อมประพฤติปฏิบัติตามคำสอน ซึ่งไม่มีตัวตนที่ปฏิบัติ แต่เป็นธรรมปฏิบัติหน้าที่ของธรรม คือ สติและปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นการเข้าถึงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏด้วยสติและปัญญา เมื่อปฏิบัติตามคำสอน จึงจะมีผลคือการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้น เป็นขั้นปฏิเวธ

เพราะฉะนั้น ปฏิเวธจะมีไม่ได้ ถ้าไม่มีการปฏิบัติอย่างถูกต้อง และการปฏิบัติอย่างถูกต้องจะมีไม่ได้ถ้าไม่มีการศึกษาพระธรรมคำสอนอย่างถูกต้องที่เป็นปริยัติ ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ ต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพราะมีการศึกษาปริยัติซึ่งเป็นพระพุทธพจน์ จึงมีปฏิบัติที่ถูกต้องได้ และเมื่อมีปฏิบัติถูกต้อง ก็ย่อมนำไปสู่ปฏิเวธ คือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ ที่สำคัญที่สุดอันเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การปฏิบัติธรรม และปฏิเวธ ก็คือ การได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ



ความคิดเห็น 1    โดย มกร  วันที่ 14 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ 


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 


ความคิดเห็น 3    โดย swanjariya  วันที่ 1 มิ.ย. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ