ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๒]
๐ ศรัทธา เปรียบเสมือน "มือ" เพราะถือไว้ซึ่งกุศล ไม่ปล่อยกุศล เพราะศรัทธาเกิด จึงเป็นเหตุให้เจริญกุศล กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่น
๐ เวลาปกติเราล้างมือกันอยู่เสมอ เพราะเห็นว่ามือสกปรก แต่ขณะนั้นก็ควรคิดที่จะ ล้างความตระหนี่ของจิตใจด้วย เพราะถึงแม้ว่าจะล้างมือสักเท่าไร แต่ยังเป็นผู้ที่ ตระหนี่อยู่ ก็แม้จะล้างมือถึง ๗ ครั้ง ก็จัดว่า ยังมีมือเปื้อนอยู่นั่นแล
๐ เดี๋ยวทางตา เดี๋ยวทางหู เดี๋ยวทางจมูก เดี๋ยวทางลิ้น เดี๋ยวทางกาย เดี๋ยวทางใจ เร็วที่สุดที่โลภะจะเกิด ตะกรุมตะกรามอย่างลิง
๐ ถ้าได้ฟังพระธรรมบ่อยๆ ย่อมเห็นพระปัญญาคุณ พระมหากรุณาคุณ พระบริสุทธิ คุณ และในขณะที่ได้เข้าใจพระธรรมนั้น ก็เป็นการดื่มด่ำนอบน้อมในพระพุทธคุณที่ จะได้เข้าใจเพิ่มขึ้น
๐ กุศลจิตเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่ง เป็นอนัตตา เป็นสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรม ไม่มีใครที่จะบันดาลให้นามธรรมคือกุศลจิตเกิดได้ เพราะเหตุว่าถ้าบันดาลได้ ก็มีแต่กุศล ย่อมไม่มีอกุศลเลย เวลาที่มีปัจจัยพร้อมที่จะให้กุศลจิตเกิด ก็ไม่มีใครบันดาลที่จะไม่ให้จิตนั้นเป็นกุศลได้
๐ กุศลจิตเป็นปรมัตถธรรม ไม่มีเชื้อชาติ ไม่จำกัดผิวพรรณวรรณะ เป็นอนัตตา ไม่ว่าจะเกิดกับใครที่ไหน เมื่อใด กุศลจิตเป็นกุศลจิต ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้
๐ ไม่มีอะไรที่จะประเสริฐหรือมีค่าเท่ากับพระรัตนตรัย แต่ต้องเป็นผู้ที่เห็นคุณค่า เท่านั้น ซึ่งจะรู้คุณค่าได้ ก็ต่อเมื่อเข้าใจพระธรรม
๐ ความอาลัย ซึ่งเป็นความติดข้องความยินดีพอใจ ยังมีอยู่ ยังไม่หมดไป พระธรรม ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อละความติดข้อง เพื่อละอาลัย ความเยื่อใย ความติดข้องในทุกสิ่งทุกอย่าง
๐ บุคคลผู้ที่ทรงตรัสรู้ ก็จะมีวาจาสัจจะ มีคำจริง แสดงความจริง เพื่อที่จะให้ผู้ที่ตั้งใจ ฟัง เข้าใจความจริง
๐ เมื่อไม่รู้ความจริง ก็ถูกผูกไว้ด้วยความติดข้องไปทุกภพทุกชาติ
๐ ควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้แล้ว พระองค์ ทรง แสดงไว้โดยละเอียดโดยประการทั้งปวง ซึ่งไม่สามารถคิดเอาเองได้
๐ ไม่ว่าจะเป็นกาละไหน เวลาไหน ธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง ควรรู้ ควรเห็นตามความ เป็นจริง ซึ่งใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้
๐ พระปัญญาคุณพระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เรียกผู้อื่นให้มาดูความจริงอันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้
๐ สิ่งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส สามารถเข้าใจได้ รู้ความจริงได้เพราะ เป็นสิ่งที่มีจริงๆ
๐ ถ้าไม่มีปัญญาจะชวนให้ทำอะไร ชวนให้ทำในสิ่งผิดๆ แน่นอน
๐ โลภะ ก็มาก โทสะ ก็มาก ความไม่รู้ ก็มาก ความริษยาก็มาก ความตระหนี่ก็มาก ความถือตัวก็มาก อยู่ที่ไหน? อยู่ที่จิต เกิดขึ้นเป็นไปตามที่ได้สะสมมา
๐ คนป่วย ล้างไต แต่ใครเคยล้างจิตบ้าง ไม่เคยเลยเพราะไม่ได้ฟังพระธรรม ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะไม่รู้เลยว่ามีอกุศลมากแค่ไหน
๐ เอาอกุศลที่มีอยู่ในใจออกไปได้ไหม ถ้าไม่ใช่ปัญญา แล้วปัญญาจะมาจากไหน คิดเองไม่ได้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
๐ ล้างจิต ไม่ใช่ไปล้างจิตคนอื่น แต่ต้องล้างจิตของตนเอง ล้างจิตจิตที่สกปรก มากด้วยอกุศลที่หมักหมม ด้วยพระธรรม พระธรรมแต่ละคำที่เข้าใจ ก็จะชำระล้าง ความเห็นผิดและความไม่รู้ เป็นต้น
๐ เมื่อคนอื่นเขาไม่ดี ขณะนั้นเรากำลังคิดด้วยจิตอะไร เมตตาเขาได้ไหม?
๐ คนที่ไม่ดีทั้งหลาย ตายแล้วไปไหนกัน มีที่ไปแน่ๆ ตามขณะจิตที่กำลังเดินทาง ด้วยอกุศล แล้วจะถึงเมื่อไหร่ วันไหน เวลาไหน ใครๆ ก็ห้ามไม่ได้
๐ กุศล ไม่ใช่เรา อกุศลไม่ใช่เรา เพราะเป็นธรรม ซึ่งผู้ที่ได้ฟังพระธรรมเท่านั้นที่จะ เข้าใจอย่างนี้
๐ ฟังพระธรรมแล้วมีปัญญาเป็นที่พึ่ง จะทำให้เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรงด้วยความ เข้าใจที่ถูกต้อง
๐ เกิดมาทุกภพทุกชาติ ก็มีเพียงสิ่งที่เกิดปรากฏแล้วก็หมดไปๆ เท่านั้นจริงๆ
๐ พระธรรมแต่ละคำ มีค่า เพราะจากที่เคยถูกปกปิดหุ้มห่อด้วยความไม่รู้มา นานแสนนาน ก็ทำให้ผู้ฟัง ได้รู้ความจริง
๐ ฟังด้วยดี คือ ฟังเพื่อเข้าใจในสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ยิ่งขึ้น
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๔๑ ได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"บุคคลผู้มีปัญญา เป็นผู้ที่ไม่มีทุกข์ เพราะว่ามีความเข้าใจธรรม"
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็แล้วแต่เหตุที่ได้กระทำแล้ว"
สภาพธรรมที่เพียงเกิดขึ้น แล้วดับไปเท่านั้น
ชื่อว่า "สิ่งไม่เป็นประโยชน์ เป็นไป"
"ถึงจะสิ้นทรัพย์ ก็เป็นอยู่ได้ ถ้ามีปัญญา"
"ปัญญาอย่างเดียวที่จะทำให้เป็นผู้ที่มีความสงบ มีความสุขอย่างแท้จริง"
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ
- ขณะใดเป็นผลของกุศลก็อย่าติดให้มากนักต้องเตรียมพร้อมที่จะรับอกุศลวิบาก ด้วย ความไม่หวั่นไหวเวลานี้ทุกข์กันมาก เพราะความหวั่นไหวนั่นเอง
- ถ้ารู้ความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา ธรรม คือ ธรรมดา เกิดก็ธรรมดา แก่ก็ ธรรมดา เจ็บก็ธรรมดา ได้ลาภก็ธรรมดา เสื่อมลาภก็ธรรมดา ได้ชื่อเสียงหรือเสื่อม ชื่อเสียง ก็ธรรมดามีใครบ้างไม่ถูกนินทา หรือว่ามีแต่คนนับถือตลอดเวลา
- ทุกภพทุกชาติที่เกิดมาเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัสและ "คิดนึกถึง" สิ่ง ที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน กลิ่น รส และสิ่งที่กระทบสัมผัส ตั้งแต่เกิดจนตาย ก็เท่านั้น เอง.
- เกิดมาเพื่อทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่หวังอะไรตอบแทนจากสิ่งที่ทำไปแล้ว ฉะนั้นจึง ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อกันความเดือดเนื้อร้อนใจ เมื่อทำดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดก็ เกิดถ้าดีก็ดี ถ้าไม่ดีก็ช่วยไม่ได้ แล้วก็ไม่ต้องการให้ใครมาชมด้วย ฉะนั้น จะต้องไม่ หวั่นไหวกับคำชมหรือคำติ ทำดีที่สุดแล้วไม่หวังเลยว่าอะไรจะเกิด ไม่ต้องแบกโลก
- ทุกอย่างไม่เที่ยง แล้วเราก็จะอยู่ในโลกนี้อีกไม่นาน เพราะฉะนั้น ระหว่างที่มีชีวิต อยู่ก็ทำสิ่งที่มีประโยชน์ ทั้งสองฝ่าย คือ ไม่เอาทุกข์ไปให้ใครแล้วไม่เอาทุกข์มาให้ ตัวเองด้วย.
- แต่ละคนต้องการสุข เกลียดทุกข์ มีโลภะ โทสะ โมหะ เหมือนกัน แต่ว่าใครมี ศรัทธาฟังพระธรรม ใครอบรมจิตใจให้สูงขึ้นซึ่งจะเป็นทางพ้นไปจากความทุกข์ที่ เกิดจากกิเลส
- ในการสนทนาเมื่อมีเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น มีคนที่ทำผิดเป็นที่ติเตียนของสังคม ลองฟังแล้วลองคิดว่าใจของท่าน คิดยังไง ถ้าคิดซ้ำเติม ช่วยกันกระหน่ำซ้ำเติมนะคะบุคคลนั้น จะเห็นได้ไหมคะว่า ขณะนั้นเข้าใจว่า อธรรม ดีกว่า ธัมมะหรือเปล่าเพราะว่าขณะที่ช่วยกัน กระหน่ำซ้ำเติมคนนั้นนะคะ ขณะนั้นเป็น อธรรม (อกุศล) ไม่ใช่เป็นธัมมะ (กุศล) แต่ถ้าเป็นธัมมะ (กุศล) แล้วก็จะทำให้เกิดสติ สัมปชัญญะที่จะระลึกได้ แล้วก็มีความเมตตาอดกลั้นมีความอดทน แทนที่จะช่วยกันให้เกิดอกุศลหรือโทสะเพิ่มขึ้น
- ไม่ใช่ว่า เรารู้จักใจของเราดี จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมมากขึ้นและพิจารณา จน จิตของเราเปิดเผยออกมาให้รู้ความจริงแท้ของจิตใจได้ไม่ใช่ดูแต่การกระทำอย่าง เดียวเท่านั้น ฉะนั้น จึงมีจิตอีกขั้นหนึ่งคือ ขณะระลึกรู้สภาพจิตใจของตนเอง แต่ จะต้องเป็นคนตรงจึงจะรู้ได้ผู้ที่ศึกษาธรรมะจริงๆ นั้น ต้องเป็นคนตรงต้องตรงจริงๆ คือ ไม่เข้าข้างตัวเองธรรมต้องเป็นธรรม ตามความเป็นจริง.
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
- ศรัทธา เปรียบเสมือน "มือ" เพราะถือไว้ซึ่งกุศล ไม่ปล่อยกุศล
- เมื่อไม่รู้ความจริง ก็ถูกผูกไว้ด้วยความติดข้องไปทุกภพทุกชาติ
- พระธรรมแต่ละคำ มีค่า เพราะจากที่เคยถูกปกปิดหุ้มห่อด้วยความไม่รู้มา นานแสนนาน ก็ทำให้ผู้ฟัง ได้รู้ความจริง
- ฟังด้วยดี คือ ฟังเพื่อเข้าใจในสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ยิ่งขึ้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณมาก และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
- พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เรียกผู้อื่นให้มาดูความจริงอันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้
- เมื่อไม่รู้ความจริง ก็ถูกผูกไว้ด้วยความติดข้องไปทุกภพทุกชาติ เกิดมาทุกภพทุกชาติ ก็มีเพียงสิ่งที่เกิดปรากฏแล้วก็หมดไปๆ เท่านั้นจริงๆ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ ช่วยในการพิจารณาและเตือนสติได้ดีมากๆ
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่นและทุกๆ ท่าน ครับ
"ล้างจิต ไม่ใช่ไปล้างจิตคนอื่น แต่ต้องล้างจิตของตนเอง ล้างจิตจิตที่สกปรก มากด้วย อกุศลที่หมักหมม ด้วยพระธรรม พระธรรมแต่ละคำที่เข้าใจ ก็จะชำระล้าง ความเห็นผิด และความไม่รู้ เป็นต้น"
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาคะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ฟังพระธรรมแล้วมีปัญญาเป็นที่พึ่ง จะทำให้เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรงด้วยความ เข้าใจที่ถูกต้อง น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ล้างจิต ไม่ใช่ไปล้างจิตคนอื่น แต่ต้องล้างจิตของตนเอง ล้างจิตจิตที่สกปรก มากด้วยอกุศลที่หมักหมม ด้วยพระธรรม พระธรรมแต่ละคำที่เข้าใจ ก็จะชำระล้าง ความเห็นผิดและความไม่รู้ เป็นต้น น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ