วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๑
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ เล่มที่ ๔๕
๑. ปสาทสูตร
(ข้อความบางตอน)
[๒๗๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเลื่อมใสอันเลิศ ๓ ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ไม่มีเท้าก็ดี มี ๒ เท้าก็ดี มี ๔ เท้าก็ดี มีเท้ามากก็ดีมีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาก็ดี ไม่มีสัญญาก็ดี มีสัญญาก็มิใช่ไม่มีสัญญาก็มิใช่ก็ดีมีประมาณเท่าใด พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่าสัตว์ประมาณเท่านั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชนเหล่าใดเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ชนเหล่านั้น ชื่อว่าเลื่อมใสในบุคคลผู้เลิศ ก็ ผลอันเลิศ ย่อมมีแก่บุคคล ผู้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขตธรรมก็ดี อสังขตธรรมก็ดี มีประมาณเท่าใดวิราคะ คือ ธรรมเป็นที่บรรเทาความเมา นำเสียซึ่งความระหาย ถอนขึ้นด้วยดีซึ่งอาลัย ตัดซึ่งวัฏฏะ สิ้นไปแห่งตัณหา สิ้นกำหนัด ดับ นิพพาน บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่าสังขตธรรมและอสังขตธรรมเหล่านั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชนเหล่าใดเลื่อมใสในวิราคธรรม ชนเหล่านั้นชื่อว่าเลื่อมใสในธรรมอันเลิศ ก็ ผลอันเลิศ ย่อมมีแก่บุคคลผู้เลื่อมใสในธรรมอันเลิศ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขตธรรมมีประมาณเท่าใด อริยมรรคมีองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่าสังขตธรรมเหล่านั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชนเหล่าใดเลื่อมใสในธรรม คือ อริยมรรค ชนเหล่านั้น ชื่อว่าเลื่อมใสในธรรมอันเลิศ ก็ ผลอันเลิศ ย่อมมีแก่บุคคลผู้เลื่อมใสในธรรมอันเลิศ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หมู่ก็ดี คณะก็ดี มีประมาณเท่าใด หมู่สาวกของพระตถาคตคือ คู่บุรุษ ๔ บุคคล ๘ บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่าหมู่และคณะเหล่านั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชนเหล่าใดเลื่อมใสในพระสงฆ์ ชนเหล่านั้น ชื่อว่าเลื่อมใสในหมู่ผู้เลิศ ก็ ผลอันเลิศ ย่อมมี แก่บุคคลผู้เลื่อมใสในพระสงฆ์ผู้เลิศ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเลื่อมใสอันเลิศ ๓ ประการนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสคาถาประพันธ์ ดังนี้ว่า
“เมื่อชนทั้งหลาย เลื่อมใสแล้ว ในพระรัตนตรัยที่เลิศ โดยความเป็นของเลิศ รู้แจ้งธรรมอันเลิศ เลื่อมใสแล้วในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ ซึ่งเป็นทักขิไณยบุคคลผู้ยอดเยี่ยม เลื่อมใสแล้วในธรรมอันเลิศ ซึ่งเป็นที่สิ้นกำหนัด และเป็นที่สงบ เป็นสุข เลื่อมใสแล้วในพระสงฆ์ ผู้เลิศ ซึ่งเป็นบุญเขตอย่างยอดเยี่ยม ถวายทานในพระรัตนตรัย ที่เลิศ บุญที่เลิศย่อมเจริญ อายุ วรรณะ ยศ เกียรติคุณ สุขะ และ พละอันเลิศย่อมเจริญ นักปราชญ์ถวายไทยธรรมแก่พระรัตนตรัย ที่เลิศ ตั้งมั่นอยู่ในธรรมอันเลิศแล้ว เป็นเทวดาหรือเป็นมนุษย์ก็ตาม ย่อมเป็นผู้ถึงความเป็นผู้เลิศบันเทิงอยู่”
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
อันเป็นไปเพื่อเป็นที่พึ่งและน้อมประพฤติปฏิบัติตาม
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนานะคะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ไม่มีที่พึ่งใดเป็นเลิศเท่าการมี พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง การถวายทานในพระรัตนตรัยที่เลิศ ได้แก่ การถวายทานในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ ๑ การถวายทานในพระธรรมอันเลิศ ๑ การถวายทานในพระอริยสงฆ์ผู้เลิศ ๑ ย่อมได้ผลบุญอันเลิศ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ