พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี ควรเฉลิมฉลอง หรือไม่
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วันวิสาขบูขา คือ วันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ดังนั้น เมื่อถึงวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน จึงควรน้อมระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์อย่างถูกต้อง ตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้สำคัญที่พิธีการ ไม่ได้สำคัญที่การฉลอง แต่สำคัญที่จิตใจของผู้นั้นในขณะนั้นที่น้อมระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัยหรือไม่ เพราะจุดประสงค์ของพระพุทธเจ้า พระองค์ประสงค์ให้สัตว์โลก เกิดกุศลจิต และเห็นโทษของกิเลส และเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา และสิ่งเหล่านี้ จะมีไม่ได้เลย หากขาดความเข้าใจพระธรรม นั่นคือมีปัญญา เห็นถูกตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น การฉลองที่ดีที่สุด และตรงตามจุดประสงค์ของพระพุทธเจ้า ตามหลักพระธรรม คือ การบูชาด้วยกุศลจิต อันเป็นยอดนมัสการ ยอดของการบูชา และ บูชาด้วยปัญญาของบุคคลนั้นเองที่เกิดขึ้นจากการเข้าใจพระธรรม ศึกษาพระธรรม
สมดังที่ท่านอาจารย์สุจินต์กล่าวไว้ครับว่า ประเพณีอย่างหนึ่งที่มักลืมกันไป และกำลังหายไป คือ ประเพณีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจถูกต้อง เพราะ พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา และเป็นไปเพื่อการละกิเลสทั้งสิ้น หากการกระทำใด เป็นไปเพื่อ ลาภ ยศ สรรเสริญ ชื่อเสียง ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า แต่การกระทำใด เป็นไปเพื่อการละคลายกิเลส ชื่อว่าป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สำคัญ ขณะนี้ ทุกวัน ทุกขณะ ที่กำลังเกิดอยู่ เกิดกุศลจิตที่บูชา แค่ไหน ในการบูชาพระพุทธเจ้า บูชาพระรัตนตรัย เพราะฉะนั้น การบูชาพระรัตนตรัย จึงบูชาได้ทุกขณะ หากมีปัญญา มีความเข้าใจพระธรรม และที่สำคัญ พุทธบริษัท ก็ควรเป็นผู้ไม่ประมาทในการศึกษาพระธรรม อบรมปัญญา เพราะหากไม่มีปัญญา แม้แต่การประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ก็เป็นไปในเรื่องราวของผู้หนึ่งที่ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน แต่ ความเข้าใจถ่องแท้ ว่า พระองค์ตรัสรู้อะไร สภาพธรรมในขณะนี้ใช่ไหม และ ปฏิบัติธรรมคืออะไร และหากเข้าใจแม้แต่คำว่า ปฏิบัติผิด และ ไปปฏิบัติที่ผิด จะชื่อว่าเป็นกุศลไม่ได้เพราะเป็นอกุศล เข้าใจผิด ไม่ชื่อว่าเป็นการบูชาเลย ครับ
ดังนั้น การดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ ไม่ได้อยู่ที่ประเพณี และเพียงอามิสบูชา แต่อยู่ที่ปฏิบัติบูชาที่ถูกต้อง ด้วยมีปัญญาความเข้าใจถูกเป็นเบื้องต้นว่า ปฏิบัติคืออะไร และทุกขณะที่เข้าใจพระธรรมในขณะนี้ ชื่อว่า บูชาพระพุทธเจ้า ด้วยความเข้าใจ และชื่อว่าดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ เพราะ พระศาสนาอยู่ที่ใจของแต่ละคน ที่มีความเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้อง ครับ
ประเพณีที่ควรจะมี และ เป็นประเพณีที่ประเสริฐ คือ การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่ถูกต้องให้เข้าใจ ซึ่งได้ทุกขณะ ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอวันไหน และเพราะความเห็นถูกคือ ปัญญาเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องนำพาชีวิตให้ปฏิบัติถูกต้อง และเป็นไปเพื่อละคลายกิเลสในชีวิตประจำวัน การฉลองที่ประเสริฐคือ ด้วยความเข้าใจพระธรรม กุศลจิตที่เกิดพร้อมปัญญา ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอเชิญสหายธรรมร่วมสนทนาในประเด็นนี้
ขออนุโมทนาครับ
การฉลองที่ประเสริฐ คือ ด้วยความเข้าใจพระธรรม กุศลจิตที่เกิดพร้อมปัญญา
เห็นด้วยค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แม้แต่คำว่า พุทธชยันตี ก็จะต้องพิจารณาในความหมายด้วย (ซึ่งคำนี้ ตรงๆ ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎก และอรรถกถา) แต่ก็พอที่จะกล่าวตามพยัญชนะได้ว่า เกี่ยวกับการชนะของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ทรงดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ทรงชนะกิเลสทั้งหลายทั้งปวงจนถึงที่สุดแล้ว ไม่ต้องชนะกิเลสอีกต่อไป เพราะดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้นแล้วไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ไม่ทรงพ่ายแพ้ให้กับกิเลสอีกต่อไป (ตรงกับวันวิสาขบูชา) พระองค์ทรงเป็นผู้ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น และทรงแสดงพระธรรมเพื่ออุปการะเกื้อกูลให้สัตว์โลกได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ดับกิเลสได้เหมือนอย่างพระองค์ เพราะพระบารมีทั้งหมดที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลา ๔ อสงไขยแสนกัปป์นั้น เพื่อทรงอุปการะเกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง และที่สัตว์โลกจะเป็นผู้บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสได้ ก็ต้องได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ได้ทรงแสดงพระธรรมทั้งหมด เป็นไปเพื่อปัญญาโดยตลอด ตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด ที่จะสอนให้ติดข้องในสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือ ในบุคคลหนึ่งบุคคลใด นั่นไม่ใช่คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถ้าจะว่าไปแล้ว กาลของพระพุทธศาสนาก็ล่วงเลยมาแล้ว ๒,๕๐๐ กว่าปี และก็จะล่วงเลยไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นผู้ยังไม่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็เป็นที่แน่นอนว่า อวิชชา ความไม่รู้ที่สะสมมาในอดีตที่ผ่านๆ มานั้น ก็มากแล้ว เมื่อไม่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็ยิ่งจะมีความไม่รู้ต่อไปอีกมากมายเพียงใด ก็อาจจะเป็นข้อคิดเตือนใจสำหรับผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดีมา ที่ได้คิด ได้ไตร่ตรองในเรื่องนี้ และเริ่มที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของตนเอง สะสมเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้า
เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรประมาทหลงระเริงมัวเมาอีกต่อไป ขณะใดที่ได้ฟังพระธรรมและเข้าใจ ขณะนั้นก็เป็นการบูชาพระคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา โดยไม่ใช่เพื่อรู้แจ้งสภาพธรรมเพียงพระองค์เดียว แต่เพื่อที่จะให้บุคคลอื่นมีโอกาสได้เข้าใจพระธรรมด้วย
เมื่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระองค์ไม่ได้ทรงแต่งตั้งใครให้เป็นศาสดาแทนพระองค์ แต่ก็ได้มีพระธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์ ที่จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลสำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้เคยกล่าวไว้ตอนหนึ่ง น่าพิจารณาทีเดียวว่า
"พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบมรดกที่ล้ำค่า คือ พระธรรม ให้กับพุทธบริษัท แต่ผู้นั้นจะไม่ได้รับมรดกเลย ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง".
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
เห็นด้วยครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
"... การบูชาพระรัตนตรัย จึงบูชาได้ทุกขณะ หากมีปัญญา มีความเข้าใจพระธรรม ..."
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ
สาธุ สาธุ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณค่ะและขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ประเพณีที่ควรจะมี และ เป็นประเพณีที่ประเสริฐ คือ การศึกษาพระธรรม
ฟังพระธรรมที่ถูกต้องให้เข้าใจ"
"ขณะใดที่ได้ฟังพระธรรมและเข้าใจ
ขณะนั้นก็เป็นการบูชาพระคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรง
บำเพ็ญพระบารมีมา โดยไม่ใช่เพื่อรู้แจ้งสภาพธรรมเพียงพระองค์เดียว
แต่เพื่อที่จะให้บุคคลอื่นมีโอกาสได้เข้าใจพระธรรมด้วย"
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพอย่างยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
สำหรับดิฉันใคร่ขอถามว่า
ขออนุโมทนา
สำหรับชาวพุทธในเมืองไทยที่รู้จักพระสุตตันตปิฎกมากกว่าพระวินัยปิฎกและพระอภิธรรมปิฎก ท่านสามารถสิกขาพระพุทธประวัติและพระสุตตันตปิฎกได้ง่ายอยู่แล้ว แต่สำหรับพระอภิธรรมปิฎกนั้น มีสำนักมากมายสอนกันอยู่
ที่จะรวบยอดว่า
๑. ชาวพุทธทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์นั้น เข้าใจว่า
หนึ่ง ต้องละโมหมูลจิต สอง คือวิจิกิจฉาโมหจิตและโมหเจตสิกด้วย จึงจะหลุดจากสังสารวัฏฏ์ จริงหรือไม่
๒. หากว่าได้ถึงขั้นพระโสดาบันแล้ว เมื่อตายละสังขารจิตจะไปอาศัยปฏิสนธิที่ใด กันคะ
๓. เมื่อหมดสมัยพระพุทธเจ้าองค์นี้แล้ว อริยบุคคลที่ยังอยู่ในชั้นพรหม นั้น ท่านจะมีความเป็นไปอย่างไร ท่านจะมาเกิดใหม่ หรือต้องไปเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไปหรืออย่างไร
เรียนความเห็นที่ 16 ครับ
๑. ชาวพุทธทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์นั้น เข้าใจว่า หนึ่ง ต้องละ โมหมูลจิต สอง คือวิจิกิจฉาโมหจิตและโมหเจตสิกด้วย จึงจะหลุดจากสังสารวัฏฏ์ จริงหรือไม่
- การหลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์ ก็ต้องละกิเลสเป็นลำดับ ละ โลภะที่ประกอบด้วยความเห็นผิดก่อน และ ละกิเลสอื่นๆ ตามลำดับไปด้วย ซึ่ง โมหะ ที่ประกอบด้วย วิจิกิจฉา ละได้ตั้งแต่เป็นพระโสดาบันแล้ว ส่วน โมหะที่ประกอบด้วยอุทัจจะ ละเมื่อเป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น การจะหลุดพ้นจากสังสาวัฏฏ์ ต้องละกิเลสทั้งหมดจนหมดสิ้น เป็นไปตามลำดับ ครับ
๒. หากว่าได้ถึงขั้นพระโสดาบันแล้ว เมื่อตายละสังขารจิตจะไปอาศัยปฏิสนธิที่ใด กันคะ
- สุคติภูมิ มี มนุษย์ เทวดา พรหม อรูปพรหม เป็นต้น ครับ
๓. เมื่อหมดสมัยพระพุทธเจ้าองค์นี้แล้ว อริยบุคคลที่ยังอยู่ในชั้นพรหม นั้น ท่านจะมีความเป็นไปอย่างไร ท่านจะมาเกิดใหม่ หรือต้องไปเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไปหรืออย่างไร
- เมื่อเป็นพระอริยบุคคลในสมัยพระพุทธเจ้าใด ก็ชื่อว่าเป็นสาวก แล้ว เช่น พระอริยบุคคลที่ไปเกิดบนพรหมโลก แม้ท่านไม่ได้มาฟังพระธรรมกับพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ ท่านทราบหนทาง สามารถบรรลุต่อในพรหมโลกได้เลย ครับ จนถึงความเป็นพระอรหันต์
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาในคำกล่าวของท่านอาจารย์ และสหายธมฺม ที่มีสัมมาทิฏฐิทุกท่าน
สาธุ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ตั้งจิตเป็นผู้มั่นคงแล้วในการฟังและศึกษาพระธรรม
เพราะเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าสมบัติใดๆ ในโลกนี้
กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาท่านวิทยากร และทุกท่านค่ะ ขอนำเสนอความเห็นบางประการค่ะ
๑. กรณีการเฉลิมฉลอง โอกาสมหาพุทธชยันตี ควรหรือไม่
ในสังคมปัจจุบัน ที่มีการประชาสัมพันธ์การเฉลิมฉลอง ดิฉันพบว่า ตามสื่อต่างๆ กล่าวถึงกันมากกว่าวิสาขบูชาที่ผ่านมา และทำให้ชาวพุทธที่ห่างจากการฟังธรรมและสิกขาธรรมหันมาใส่ใจมากขึ้นอยู่ประมาณหนึ่ง ดังนั้นจึงเห็นว่า สำหรับปุถุชนควรจะมีการเฉลิมฉลองด้วยการเริ่มต้นหันมาสนใจฟังธรรม ในโอกาสนี้และฟังต่อเนื่องไปตลอด
๒. เมื่อหมดระยะเวลาฉลองแล้วเป็นโอกาสของพุทธบริษัทที่ต้องทำหน้าที่ธรรมทายาทเผยแผ่พระธรรมของพระพุทธเจ้าต่อไปไม่หยุด ต้องพยายามโน้มน้าวจิตชาวพุทธมาฟังธรรมมากขึ้นสม่ำเสมอขึ้น ไม่เจาะจงเวลา สถานที่ พบว่ามีการประชาสัมพันธ์ ทำความดี ๘๔ วัน คิดคร่าวๆ ก็ ๒ พันกว่าชั่วโมง ก็ควรมาฟังธรรมวันละห้า-หกชั่วโมงทีเดียว ถ้าทำได้ พระพุทธศาสนาคงจะไม่อันตรธานจากโลกไปได้ง่ายๆ โลกย่อมพ้นจากกลียุคอย่างที่พบเห็นกันหลายที่หลายโอกาสแม้ในประเทศไทยนี้ก็ตาม
สาธุอนุโมทามิค่ะ
กราบขอบพระคุณค่ะ