ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ทาน เป็นการสงเคราะห์อนุเคราะห์คนอื่นได้เป็นบางครั้งบางคราว ส่วนศีลนั้น เป็นความประพฤติทางกาย ทางวาจา ที่จะต้องมีอยู่ตลอดเวลา กิเลสเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อนด้วย จึงควรจะต้องขจัดขัดเกลาให้เบาบางและให้หมดสิ้นไป ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติหรือลาภ ยศ สรรเสริญ แต่อยู่ที่การไม่มีกิเลสเท่านั้น คนที่มีทรัพย์มากและมีกิเลสมาก กับคนที่มีทรัพย์น้อยและมีกิเลสน้อย ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ดับกิเลส คือ ดับทุกข์ สุขน้อย สุขมาก ขึ้นอยู่กับปัญญามาก ปัญญาน้อย
ภพชาติยังอีกแสนไกล ไกลมาก ทานจึงเป็นเสบียงสำหรับปรโลก ศีลยังประโยชน์ให้สำเร็จตราบเท่าชรา การมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาประเสริฐที่สุด
สาธุ
ใน "คิริมานทนสูตร" พระผู้มีพระภาคตรัสกับพระอานนท์ตอนหนึ่งว่า "ความสุขในโลกนี้ เป็นความสุขที่เจืออยู่ด้วยความทุกข์ ครั้นเมื่อถือเอาสุข ก็คือถือเอาทุกข์นั่นเอง ครั้นไม่ว่างสุข ก็คือไม่ว่างทุกข์นั่นเอง จะเข้าใจว่า สุข-ทุกข์ เป็นของคู่กัน เราถือเอาแต่สุข ทุกข์ไม่ต้องการ ดังนี้ ไม่ได้เลย เพราะสุข-ทุกข์ เป็นของเนื่องอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่วาง "สุข" เสีย ก็เป็นอันไม่พ้น "ทุกข์" ... "
ขอเรียนถาม"คุณแล้วเจอกัน"
คนที่มีทรัพย์มากและมีกิเลสมาก คนที่มีทรัพย์น้อยและมีกิเลสน้อย คนที่มีทรัพย์มากและมีกิเลสน้อย คนที่มีทรัพย์น้อยและมีกิเลสมาก ใครน่าสงสารบ้างคะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ถ้าไม่เห็นโทษของกิเลส และไม่รู้ตามความเป็นจริงว่ามีกิเลสและกิเลสไม่ใช่เรา ก็น่าสงสารทั้งนั้นครับ เพราะไม่สามารถดับกิเลสได้ ต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นคนรวยบ้าง จนบ้างแต่ก็ต้องทุกข์ เนื่องจากการเกิดอันเป็นผลมาจากการไม่รู้ความจริงว่ามีกิเลส ไม่เห็นโทษของกิเลส และกิเลสเป็นธรรมไม่ใช่เรา ดังนั้น หนทางเดียวคือสติปัฏฐานครับ ลองอ่านพระสูตรนี้นะ จะเข้าใจขึ้นครับ
เชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
บุคคล ๔ จำพวก [อนังคณสูตร]
....ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ยินดีในกุศลจิตค่ะ