ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มิตตสูตร
เทวดา : อะไรหนอเป็นมิตรของคนเดินทาง
อะไรหนอเป็นมิตรในเรือนของตน
อะไรหนอเป็นมิตรของคนผู้มีธุระเกิดขี้น
อะไรหนอเป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า
พระพุทธเจ้า : พวกเกวียนพวกโคต่างเป็นมิตรของคนเดินทาง มารดาเป็นมิตรในเรือนของตน สหายเป็นมิตรของคนผู้มีธุระเกิดขึ้นเนืองๆ บุญที่ตนทำเองเป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า
👭มิตร หมายถึง ผู้หวังดี ไม่เป็นศัตรู ไม่ทำร้าย พร้อมที่จะทำประโยชน์เกื้อกูล
🙏บุญที่ตนทำเองติดตามไปถึงภพหน้าได้เพราะ บุญคือกุศลจิต เป็นนามธรรม มีจริงๆ เกิดที่จิต ดับพร้อมจิตและเจตสิกอื่นๆ เพราะฉะนั้น บุญที่ทำแล้วจึงสั่งสมในจิตที่เกิดต่อๆ ไป
บ้านธัมมะ ๑๘ พ.ย. ๕๒
คาถาธรรมบทภารวะ
“บุคคลใดโง่ย่อมสำคัญความที่ตนเป็นคนโง่ บุคคลนั้นจะเป็นบัณฑิตเพราะเหตุนั้นได้บ้าง ส่วนบุคคลใดเป็นคนโง่ มีความสำคัญว่าตนเป็นบัณฑิต บุคคลนั้นแลเราเรียกว่าคนโง่”
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒- หน้าที่ ๓๕๓
๑. วิเวกสูตร
(ว่าด้วยเทวดาเตือนพระภิกษุ)
[๗๖๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง ภิกษุรูปหนึ่ง พำนักอยู่ในแนวป่าแห่งหนึ่ง ในแคว้นโกศลสมัยนั้นแล ภิกษุรูปนั้น พักผ่อนกลางวัน ตรึกอกุศลวิตกอันลามกอิงอาศัยเรือน
[๗๖๒] ครั้งนั้น เทวดาที่สิงอยู่ในป่านั้น มีความเอ็นดูใคร่ประโยชน์แก่ภิกษุนั้น หวังจะให้เธอสลดใจ จึงเข้าไปหาแล้ว กล่าวกะเธอด้วยคาถาว่า
ท่านใคร่วิเวก จึงเข้าป่า ส่วนใจของท่านแส่ซ่านไปภายนอก ท่านเป็นคน จงกำจัดความพอใจในคนเสีย แต่นั้น ท่านจักเป็นผู้มีความสุข ปราศจากความกำหนัด ท่านมีสติ ละความไม่ยินดีเสียได้ เราเตือนให้ท่านระลึกถึงธรรมของสัตบุรุษ ธุลีคือกิเลส ประดุจบาดาลที่ข้ามได้ยาก ได้แก่ ความกำหนัดในกามอย่าได้ครอบงำท่านเลย นกที่เปื้อนฝุ่น ย่อมสลัดธุลีที่แปดเปื้อน ให้ตกไป ฉันใด ภิกษุผู้มีความเพียร มีสติ ย่อมสลัดธุลีคือกิเลส ที่แปดเปื้อนให้ตกไป ฉันนั้น ดังนี้
ลำดับนั้น ภิกษุนั้นเป็นผู้อันเทวดานั้นเตือนให้สังเวช ถึงซึ่งความสลดใจแล้วแล.
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ บ้านคุณหมอนันทวัช สิทธิรักษ์ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ต้องมีขณะที่สภาพธรรมะปรากฏ!! นี่ต้องต่างกับขณะที่เดี๋ยวนี้ก็เป็นธรรมะ "แต่ไม่รู้" จึงไม่เข้าใจความเป็น "ภาวะ" ของธรรมะ ว่า "ไม่ใช่เรา"
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ บ้านคุณหมอนันทวัช สิทธิรักษ์ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐
-โลกธรรม ๘ ย่อมหมุนไปตามโลก
โลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม ๘
-โลกธรรม ๘ เป็นสภาพที่ไม่เที่ยง
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
-โลกธรรม ๘ ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้งที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ หวั่นไหวเมื่อได้รับอารมณ์ที่น่าพอใจ เมื่อได้รับอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ ก็สมมติว่าเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ... แล้วก็เป็นทุกข์ ยินดียินร้ายในโลกธรรม ๘
-ลาภที่ประเสริฐกว่าลาภอื่น คือ การได้ฟังพระธรรม ลาภที่ประเสริฐที่สุด คือ ความเห็นถูก
-แม้จะเป็นลาภที่น่าพอใจ ก็ไม่ติดในลาภนั้น เพราะรู้เท่าทันตามความเป็นจริงว่า เป็นสิ่งที่ชั่วคราว
-ลาภที่ไม่ประเสริฐ ไม่มีสาระ ชั่วคราว ก็ยังยินดีทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ประเสริฐ เพราะอวิชชาทำให้เป็นเช่นนี้
บ้านธัมมะ ๑๑ พ.ย. ๕๒
@ขณะที่เห็น ไม่ใช่ขณะที่คิด คิดมีจริง แต่สิ่งที่คิดไม่มีจริง
@สติระลึกรู้/ตามรู้ สิ่งที่กำลังปรากฏ (แข็ง เสียง ... ) ไม่หันไปหาสิ่งที่ไม่ปรากฏ
บ้านธัมมะ ๔ พ.ย. ๕๒
พระรัตนตรัย หมายถึง สิ่งที่มีค่าประเสริฐสุด พบได้แสนยาก ควรค่าแก่การเคารพสักการะบูชาอย่างสูงสุด เป็นที่พึ่งให้เกิดปัญญาจนสามารถถึงความพ้นไปจากทุกข์ทั้งปวงได้
มอบตนให้พระรัตนตรัย
บุคคลผู้ประมาทอยู่แม้จะมีชีวิตยืนยาวก็เหมือนบุคคลที่ตายแล้ว เพราะคนที่ตายแล้วไม่สามารถอบรมปัญญาได้ ไม่สามารถเจริญกุศลได้ แม้คนประมาทหรือไม่ได้ศึกษาพระธรรมก็ไม่สามารถอบรมปัญญาได้เช่นกัน จึงไม่ประมาทที่จะศึกษาพระธรรมต่อไปด้วยความเป็นปกติในชีวิตประจำวัน เพียงแต่สำเหนียกไว้เสมอว่า ความตายไม่รู้จะเกิดขึ้นวันไหน สาระสำคัญที่สุดของชีวิตคือการเข้าใจพระธรรมในหนทางที่ถูก เพราะไม่มีสิ่งใดติดตัวไปได้นอกจากบุญและบาป ความเห็นถูกและความเห็นผิด
ธรรมทัศนะ
ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
กราบอนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ