๑. อัญญตราสามาเถรีคาถา
โดย บ้านธัมมะ  21 พ.ย. 2564
หัวข้อหมายเลข 40712

[เล่มที่ 54] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 76

เถรีคาถา ติกนิบาต

๑. อัญญตราสามาเถรีคาถา


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 54]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 28 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 76

เถรีคาถา ติกนิบาต

ว่าด้วยคาถาต่างๆ ในติกนิบาต

๑. อัญญตราสามาเถรีคาถา (๑)

    [๔๓๐] ตั้งแต่ข้าพเจ้าบวชมาแล้ว ๒๕ พรรษา ข้าพเจ้าไม่รู้สึกกว่าได้ความสงบจิตในกาลไหนๆ เลย ข้าพเจ้าทำใจให้อยู่ในอำนาจไม่ได้ จึงไม่ได้ควานสงบใจต่อจากนั้น ข้าพเจ้า ระลึกถึงคำสอนของพระชินเจ้าจึงได้ถึงความสังเวช ข้าพเจ้าอันความทุกข์เป็นอันมากถูกต้องแล้ว ยินดีแล้วในความไม่ประมาท บรรลุความสิ้นตัณหาแล้ว ได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว วันนี้เป็นราตรีที่ ๗ นับแต่วันที่ข้าพเจ้าทำตัณหาให้แห้งสนิทแล้ว.

    จบ อัญญตราสามาเถรีคาถา

อรรถกถาติกนิบาต

๑. อรรถกถาอปราสามาเถรีคาถา

    ในติกนิบาตมีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

    คาถาว่า ปณฺณวีสติ วสฺสานิ เป็นต้น เป็นคาถาของพระเถรีชื่อสามาอีกองค์หนึ่ง

    แม้พระเถรีชื่อสามาอีกองค์หนึ่งนี้ ก็ได้สร้างสมบุญบารมีไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี เกิดในกำเนิดกินนร ที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา


    ๑. อรรถกถา เป็น อปราสามาเถรีคาถา.


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 28 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 77

กินรีนั้นเที่ยวขวนขวายในการเล่นเพลินอยู่กับเหล่ากินนรในที่นั้น อยู่มาวันหนึ่งพระศาสดาเสด็จไปในที่นั้นเพื่อทรงปลูกพืชคือกุศลแก่กินรีแม้นั้น เสด็จจงกรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ กินรีนั้นเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ร่าเริงยินดี ถือเอาดอกไม้ช้างน้าวไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้วบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยดอกไม้เหล่านั้น ด้วยบุญกรรมนั้นกินรีนั้นท่องเที่ยวอยู่โนเทวโลกและมนุษยโลก ในพุทธุปปาทกาลนี้ เกิดในเรือนตระกูลในกรุงโกสัมพี เจริญวัยแล้วเป็นสหายของนางสามาวดี เวลานางสามาวดีนั้นตาย เกิดความสังเวชบวช ๒๕ พรรษายังไม่ได้สมาธิจิต ในเวลาแก่ได้โอวาทของพระสุคตแล้วเจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวได้ในอปทานว่า (๑)

    ข้าพเจ้าเป็นกินรีอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นพระนราสภ ผู้เป็นเทพของทวยเทพกำลังเสด็จจงกรมอยู่ จึงได้เลือกเก็บดอกไม้ช้างน้าวมาถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด พระมหาวีรสัมพุทธเจ้าพระนามวิปัสสีผู้เป็นนายกของโลก ทรงรับดอกไม้ช้างน้าวซึ่งมีกลิ่นเหมือนทิพย์ทรงดมแล้ว พระมหาวีระ ทรงดม เมื่อข้าพเจ้ากำลังเพ่งดูอยู่ในกาลนั้นข้าพเจ้าประคองอัญชลี ถวายบังคมพระพุทธองค์ผู้สูงสุดกว่าสัตว์สองเท้า ทำจิตของตนให้เลื่อมใส ต่อนั้นก็เดินขึ้นภูเขาไป ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ ข้าพเจ้าได้ถวายดอกไม้ใดในกาลนั้น ด้วยการถวายดอกไม้นั้น ข้าพเจ้าไม่รู้จักทุคติ นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า.


    ๑. ขุ. ๓๓/ข้อ ๑๕๒ สลฬปุปผิกาเถรีอปทาน.


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 28 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 78

    ข้าพเจ้าเผากิเลสแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว.

    ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้วพิจารณาการปฏิบัติของตน ได้กล่าวคาถาเหล่านี้เป็นอุทานว่า

    ตั้งแต่ข้าพเจ้าบวชมาแล้ว ๒๕ พรรษา ข้าพเจ้าไม่รู้สึกว่าได้ความสงบจิตในกาลไหนๆ เลย ข้าพเจ้าทำใจให้อยู่ในอำนาจไม่ได้ จึงไม่ได้ความสงบใจต่อจากนั้น ข้าพเจ้าระลึกถึงคำสอนของพระชินเจ้าได้ จึงถึงความสังเวช ข้าพเจ้าอันความทุกข์เป็นอันมากถูกต้องแล้ว ยินดีแล้วในความไม่ประมาท บรรลุความสิ้นตัณหาแล้ว ได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว วันนี้เป็นราตรีที่ ๗ นับแต่วันที่ข้าพเจ้าทำตัณหาให้แห้งสนิทแล้ว.

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จิตฺตสฺส สมํ ได้แก่ความเข้าไปสงบแห่งจิต ความว่า มรรคสมาธิและผลสมาธิที่เกิดแต่ความสงบใจ. บทว่า ตโต ได้แก่ จากความเป็นผู้ไม่สามารถยังอำนาจจิตให้เป็นไป. บทว่า สํเวคมาปาทึความว่า แม้เมื่อพระศาสดายังดำรงพระชนม์อยู่ ยังไม่อาจทำกิจของบรรพชิตให้ถึงที่สุดได้ ภายหลังจักให้ถึงได้อย่างไร ข้าพเจ้าถึงความสังเวช คือความสะดุ้งเพราะญาณ ดังว่ามานี้. บทว่า สริตฺวา ชินสาสนํ ได้แก่ระลึกถึงโอวาทของพระศาสดามีอุปมาด้วยเต่าตาบอดเป็นต้น. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วแล.

    จบ อรรถกถาอปราสามาเถรีคาถา