ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์และข้อความบางตอนจากพระไตรปิฏก
ทรงระลึกถึงธรรม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราได้มีความดำริว่า ธรรมที่เราได้บรรลุนี้
ลึก
เห็นได้ยาก
รู้ตามได้ยาก
เป็นธรรมสงบ
ประณีต
หยั่งไม่ได้ด้วยความตรึก
ละเอียดรู้ได้แต่บัณฑิต
ส่วนหมู่สัตว์เป็นผู้ยินดีเพลิดเพลินใจในอาลัย ยากที่จะเห็นปฏิจจสมุปบาท ที่เป็นปัจจัยแห่งธรรมเหล่านี้ได้ และยากที่จะเห็นธรรมที่สงบสังขารทั้งปวง สลัดอุปธิทั้งปวงเป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สำรอก เป็นที่ดับ เป็นที่ออกจากตัณหา
กุศลทั้งหลายย่อมอุปการะกันเป็นลำดับ ตามขั้น เรี่มจาก ทาน การสละวัตถุสี่งของภายนอก เป็นการละ โลภะ แล้วก็ศีล การควบคุมรักษา กาย วาจา ให้เวัน ทุจริต เป็นการละ โทสะ แล้วก็ภาวนา ซึ่งเป็นกุศลที่ละ โมหะ ความไม่รู้
ถ้าขาดกุศลเบื้องต้นซึ่งเป็นบาท แล้วก็ย่อม ไม่มีโอกาส เจริญกุศลเบื้องสูงต่อไป
เธอฟังธรรมนี้แล้ว ย่อมยังความสงบ ๒ อย่าง คือ ความสงบกายและความสงบจิตให้ถึงพร้อม
ผ้าเช็ดธุลี
แม้ชีวิตที่ต่างกัน ระหว่างบรรพชิต และ คฤหัสถ์ แต่สามารถที่จะเทียบเคียงให้เห็น
กิเลสที่มีอยู่ในจิตใจเป็นประจำได้ สำหรับพระภิกษุนั้น เมื่อเข้าหาสงฆ์พึงเป็นผู้มีจิตยำเกรง
มีจิตเสมอด้วยผ้าเช็ดธุลี
เห็นคุณค่าของผู้มีจิตเป็นผ้าเช็ดธุลีไหม มีความอ่อนน้อมไม่มีมานะ ไม่มีความสำคัญตน ถ้าเป็นผ้าเช็ดธุลีได้เสมอๆ ก็เป็นความสบายใจ ไม่ว่าใครจะประพฤติต่อท่าน ด้วยกาย วาจา อย่างไร ไม่เดือดร้อนเลย เพราะว่า ไม่มีถือตน ว่ามีความสำคัญ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ ค่ะ และขออนุโมทนาในกุศลที่นำมาเผยแพร่ด้วยค่ะ เป็นประโยชน์ในการเตือนใจจริงๆ
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
...มีจิตเสมอด้วยผ้าเช็ดธุลี...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ