ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ซึ่งเห็นได้ว่า ขณะใดที่อกุศลธรรมเกิด ขณะนั้นหลงลืมสติ เพราะว่าสติไม่เกิดด้วยเหตุนี้ สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง ข้อความต่อไปอีกว่า ความประมาท สมควรกล่าว การปล่อยจิต ความเพิ่มการปล่อยจิต ในกายทุจริตก็ดี ในวจีทุจริตก็ดี ในมโนทุจริตก็ดี ในเบญจกามคุณก็ดี หรือความเป็นผู้ทำโดยไม่เอื้อเฟื้อ ความเป็นผู้ทำไม่ติดต่อ ความเป็นผู้ทำๆ หยุดๆ ความเป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน ความเป็นผู้ปลงฉันทะ ความเป็นผู้ทอดธุระ ความเป็นผู้ไม่ซ่องเสพ ความไม่เจริญ ความไม่ทำให้มาก ความไม่ตั้งใจ ความไม่ประมาทเนืองๆ ในการบำเพ็ญกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นความประมาท ความมัวเมา กิริยาที่มัวเมา ความเป็นผู้ที่มัวเมาเห็นปานนี้ เรียกว่า ประมาท
พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงละเว้นพยัญชนะซึ่งอาจจะทำให้ท่านผู้หนึ่งผู้ใดเกิดสติระลึกได้ เพราะว่าทรงแสดงเรื่องของความประมาทว่าเป็นการปล่อยจิต เป็นการเพิ่มการปล่อยจิต ในกายทุจริต ในวจีทุจริต ในมโนทุจริต ถ้าสติไม่เกิด เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาใช่ไหมคะ เขาก็ทุจริตกันทั้งนั้น ก็อาจจะคิดว่าอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็น กายทุจริต หรือ วจีทุจริต แต่ผู้ที่มีสติ สติเกิดจะรู้ได้ว่าไม่ควรจะคิดอย่างนั้นเลย เพราะไม่ควรจะปล่อยจิตหรือเพิ่มการปล่อยจิต ในกายทุจริต ในวจีทุจริต ในมโนทุจริต
ผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ย่อมไม่พ้นจากการที่จะมีกายทุจริตบ้าง วจีทุจริตบ้าง มโนทุจริตบ้าง ถ้าเป็นผู้ที่ตรงต่อตัวเองจะรู้ได้จริงๆ ว่าขณะไหนเป็นกายทุจริต ขณะไหนเป็นวจีทุจริต คำพูดที่ทำให้บุคคลอื่นไม่สบายใจ หรือว่าเป็นการเสียประโยชน์ ของบุคคลนั้น ซึ่งสติไม่เกิด ก็ดูเหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดาอีก เพราะฉะนั้น ผู้ที่ขัดเกลากิเลสก็จะพิจารณาธรรมโดยละเอียดจริงๆ ว่า ไม่เพิ่มการปล่อยจิต ในกายทุจริต ในวจีทุจริต ในมโนทุจริต ในเบญจกามคุณ คือ ใน รูป เสียง ... หรือบางท่านเป็นผู้ทำโดยความเป็นผู้ไม่เอื้อเพื้อ เป็นผู้ทำไม่ติดต่อ เป็นผู้ทำๆ หยุดๆ เป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน ความเป็นผู้ปลงฉันทะ ความเป็นผู้ทอดธุระ ความเป็นผู้ไม่ส้องเสพ ความไม่เจริญ ความไม่ทำให้มาก ความไม่ตั้งใจ ความไม่ประกอบเนืองๆ ในการบำเพ็ญกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นความประมาท เพราะฉะนั้น ก็เป็นการเตือนให้เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง หรือว่าประมาท หรือเปล่า หรือว่าเพิ่มความประมาทขึ้นหรือเปล่า
มีข้อสงสัยอะไรบ้างไหมคะ ในเรื่องนี้ข้อความต่อไป พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า คำว่า โลก ไม่ปรากฏ เพราะความตระหนี่ เพราะความประมาท ความว่า โลกไม่ปรากฏ ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรือง ไม่ไพโรจน์ ไม่แจ่ม ไม่กระจ่าง เพราะ ความตระหนี่ เพราะความประมาท
ท่านที่อยากจะประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมอาจจะใช้คำว่า เต็มที่เหลือเกิน คอยไม่ไหว อยากจะรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ในขณะที่กำลังเห็น ... กำลังลิ้มรส ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่าเป็นผู้ที่ประมาทหรือเปล่า ถ้าสติไม่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพ ธรรมที่กำลังปรากฏ แล้วจะให้โลกกระจ่าง โลกแจ่มแจ้ง ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าผลย่อมเป็นไปตามเหตุ
สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง
ขออนุโมทนาครับ
ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนาครับ
เป็นการเตือนให้เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง ว่าประมาทหรือเปล่า (ที่ปล่อยจิต) เพิ่มความประมาทขึ้นหรือเปล่า
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
"ผู้ที่ขัดเกลากิเลสก็จะพิจารณาธรรมโดยละเอียดจริงๆ ว่าไม่เพิ่มการปล่อยจิต ในกายทุจริต ในวจีทุจริต ในมโนทุจริต ในเบญจกามคุณ คือใน รูป เสียง.......พะ หรือบางท่านเป็นผู้ทำโดยความเป็นผู้ไม่เอื้อเพื้อ เป็นผู้ทำไม่ติดต่อ เป็นผู้ทำๆ หยุดๆ เป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน ความเป็นผู้ปลงฉันทะ ความเป็นผู้ทอดธุระ ความเป็นผู้ไม่ส้องเสพ ความไม่เจริญ ความไม่ทำให้มาก ความไม่ตั้งใจ ความไม่ประกอบเนืองๆ ในการบำเพ็ญกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นความประมาท "
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ