[เล่มที่ 51] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ - หน้าที่ 104
ข้อความตอนหนึ่งจาก ...
ภัททชิเถรคาถา
... เขา (พระภัททชิ) ได้บำเพ็ญกุศลเป็นอันมากอย่างนี้แล้ว บังเกิดในเทวโลกดำรงอยู่ในเทวโลกนั้นจนตลอดอายุ จุติจากเทวโลกนั้นแล้ว บังเกิดในมนุษย์ เมื่อโลกว่างจากพระพุทธเจ้า ก็บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้า ประมาณ ๕๐๐ ด้วยปัจจัย ๔, จุติจากมนุษยโลกแล้ว บังเกิดในราชตระกูล สืบราชสมบัติมาโดยลำดับ บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้า (ของพระองค์) ผู้บรรลุปัจเจกโพธิญาณดำรงอยู่แล้ว เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว นำพระธาตุมาก่อพระเจดีย์บูชา. เขากระทำบุญนั้นๆ ไว้ในภพนั้นๆ อย่างนี้แล้ว เกิดเป็นบุตรคนเดียวของภัททิยเศรษฐี ผู้มีสมบัติ ๘๐ โกฏิ ในภัททิยนครในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มีนามว่า ภัททชิ. ได้ยินมาว่า อิสริยสมบัติ โภคสมบัติ และบริวารสมบัติ เป็นต้น ของท่าน ได้มีเหมือนของพระโพธิสัตว์ในภพสุดท้าย.
ในครั้งนั้น พระศาสดาทรงจำพรรษาอยู่ในพระนครสาวัตถี เสด็จไปภัททิยนครพร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เพื่อจะทรงสงเคราะห์ภัททชิกุมาร ทรงคอยความแก่กล้าแห่งญาณ ของภัททชิกุมาร จึงประทับอยู่ ณ ชาติยาวัน. แม้ภัททชิกุมาร นั่งอยู่บนปราสาทชั้นบน เปิดสีหบัญชรมองดู เห็นมหาชนเดินทางไปฟังธรรมในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงถามว่า มหาชนกลุ่มนี้ ไปที่ไหน? ทราบเหตุนั้นแล้ว จึงไปสู่สำนักของพระศาสดา (ด้วยตนเอง) พร้อมด้วยบริวารเป็นอันมาก ฟังธรรมะอยู่ ทั้งๆ ที่ประดับประดาไปด้วยอาภรณ์ทั้งปวงยังกิเลสทั้งมวลให้สิ้นไป บรรลุพระอรหัตต์แล้ว.
ก็เมื่อภัททชิกุมารนั้น บรรลุพระอรหัตแล้ว พระศาสดาตรัสเรียกภัททิยเศรษฐีผู้เป็นบิดามาว่า บุตรของท่าน ประดับตกแต่งแล้ว ฟังธรรมอยู่ ตั้งอยู่ในพระอรหัตแล้วด้วยเหตุนั้น การบวชของภัททชิกุมารนั้น ในบัดนี้เท่านั้น สมควรแล้ว ถ้าไม่บวชจักต้องปรินิพพาน ดังนี้. ท่านเศรษฐี กราบทูลว่า เมื่อบุตรของข้าพระองค์ยังเล็กอยู่เช่นนี้ ยังไม่ควรปรินิพพาน ขอพระองค์จงทรงยังเขาให้บวชเถิด พระศาสดาทรงยังภัททชิกุมารให้บรรพชาแล้ว ให้อุปสมบท ...
ขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ