* ตั้งแต่เกิดจนตายในทุกภพชาติ ก็มีแต่ความจำและความคิดอย่างฝังแน่นว่ายังมีเรา มีของเรา และมีบุคคล สิ่งต่างๆ มากมาย
* แต่ตามความเป็นจริงแล้ว มีเพียงสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งที่แสนสั้น ซึ่งเกิดจากเหตุปัจจัย แล้วก็กำลังดับไปในทุกๆ ขณะ ไม่กลับมาอีกเลย แต่เพราะการเกิดดับสืบต่อที่รวดเร็วของสภาพธรรม จึงลวงให้หลงว่ายังมีทุกอย่าง
* เมื่อหลงไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ก็มีชีวิตเหมือนหลับใหล เพราะแม้จะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบกาย และคิดนึก ก็ไม่ได้รู้ว่าเป็นเพียงสภาพที่มีจริงแต่ละอย่าง ที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล สิ่งของใดๆ เลย
* พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สภาพธรรมทั้งปวงตามความเป็นจริงด้วยพระองค์เอง จึงทรงเป็นผู้ตื่นเอง และทรงแสดงพระธรรม เพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่พุทธบริษัทให้ได้ตื่นจากความไม่รู้ตามพระองค์ด้วย
* การที่จะตื่นจากความไม่รู้ได้จริงๆ นั้น ต้องอาศัยการค่อยๆ อบรมความเห็นถูกต้องในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงตั้งแต่ขั้นการฟังพระธรรม การพิจารณาตรงตามพระธรรมที่ได้ฟัง จนกว่าความเข้าใจจะเจริญถึงขั้นประจักษ์ในความเกิดดับของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ และเจริญต่อไปจนรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสเป็นพระอริยบุคคลตามลำดับขั้น
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาด้วยค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ