บรมครูของเหล่ามนุษย์และเทวดาตรัสไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดเลยในโลกนี้ ที่คงทนถาวรสักอย่าง ไม่วันใดก็วันหนึ่งต้องดับสลายไปไม่ช้าก็เร็ว สิ่งที่แน่นอนที่สุดที่หลีกไม่พ้นก็คือความตาย แต่ก่อนจะตายนี่สิจะทำอย่างไรกันดี มีใครเคยคิดไหมเอย สนุกไปเรื่อยๆ หรือเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความตายกันดี เพราะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น จงทำใจล่วงหน้าไว้ได้เลย แม้แต่ผู้ที่ถึงพร้อมด้วยวิชาและจรณะก็ไม่สามารถหลบพ้น แต่สิ่งที่พระองค์หลงเหลือไว้ให้กับชาวโลก แม้จะเป็นเพียงแสงสว่างเล็กๆ สำหรับคนที่ไร้ปัญญาหรือไม่เคยรู้จักปัญญาด้วยซ้ำแต่ ก็ยังมีค่ามหาศาลไม่ใช่เหรอ จงตื่นจากภวังค์กันเถิด แล้วมาค้นหาสัจธรรมเผื่ออะไรจะดีขึ้นก่อนที่จะไม่มีเวลา
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
[๒๐๒] เทวดาทูลถามว่า
คนมีชีวิตเป็นอยู่อย่างไร นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า มีชีวิตประเสริฐ.
[๒๐๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
คนที่เป็นอยู่ด้วยปัญญานักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า มีชีวิตประเสริฐ.
เมื่อเข้าใจความจริงว่าสัตว์ทั้งหลายมีความตายเป็นธรรมดา ชีวิตที่เหลืออยู่ก็ควรประกอบสิ่งที่เป็นสาระคือ กุศลธรรมและการเจริญอบรมปัญญา แต่สิ่งที่ต้องละเอียดคือรู้ว่าชีวิตเหลือน้อยจึงควรแสวงหาสัจจธรรม จึงควรเข้าใจว่าสัจจธรรมคืออะไร เริ่มจากการอบรมจากขั้นการฟัง สัจจธรรมคือ ความจริงที่มีในขณะนี้ เป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ต้องไปค้นหาสัจจธรรม มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน สิ่งที่ควรอบรมคือ ปัญญา จึงไม่ควรเป็นผู้ประมาทในการศึกษาธรรม เพราะถ้าศึกษาในหนทางที่ผิดย่อมนำไปสู่การปฏิบัติผิดได้ครับ ช้าๆ แต่มั่นคงและถูกต้อง ดีกว่าเร่งรีบแต่เป็นหนทางที่ผิด
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ การฟังธรรมกับการปฏิบัติปัญญาขั้นการฟัง รู้ว่าธรรมคืออะไร ปัญญาจะเจริญขึ้นตามลำดับ จนกว่าจะเป็นสติปัฏฐานเชิญคลิกฟังที่นี่ครับ ธรรมคือ สิ่งที่มีจริง
สิ่งที่มีจริงเป็นนามธรรมและรูปธรรมการศึกษาธรรมะไม่ใช่ให้คิดว่าฟังแล้วต้องไปทำ จะทราบได้อย่างไรว่าฟังธรรมที่ถูกต้อง
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
คนที่มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาประเสริฐ เพราะว่าคนที่มีปัญญาก็จะรู้ว่าอะไรควรเว้น อะไร
ควรเจริญ เช่น กุศลควรเจริญ อกุศลทุกอย่างควรเว้นและคนที่มีปํญญา ก็จะให้ทาน
รักษาศีล ฟังธรรม อบรมเจริญสติปัฏฐาน จึงชื่อว่ามีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาประเสริฐที่สุดค่ะ
ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดด้วยปัญญาที่ถูกต้อง มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาประเสริฐ
ที่สุด......ขออนุโมทนาค่ะ
ค้นหาสัจธรรม ด้วยการศึกษาพระธรรมให้เกิดความเข้าใจถูกต้องขึ้นว่า สัจธรรมที่เคยค้นหานั้นกำลังมีปรากฏในขณะนี้ ไม่มีตัวตนของผู้ใดจะเข้าถึงความจริงที่เป็นสัจธรรมได้เลย แต่เป็น "ปัญญา" ต่างหาก ที่จะรู้ตรง รู้ทั่ว รู้ชัด จนประจักษ์แจ้งตามความจริงตรงตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ทุกประการ แต่เหตุต้องสมควรแก่ผล ใครก็เร่งรัดให้มีปัญญามากๆ เทียบเท่าพระอริยเจ้าภายในชาติเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยเวลาจากการศึกษาพระธรรมไปในแต่ละชาติ ชาติใดไม่พบพระธรรม ชาตินั้นก็สูญเปล่าไป ชาติใดพบพระธรรม ชาตินั้นก็เป็นชาติที่ไม่เป็นโมฆะ เหตุนี้ การเจริญปัญญาภาวนาจึงเป็นจิรกาลภาวนา เพราะการประจวบเหมาะของเหตุปัจจัยอันประเสริฐนี้ หาไม่ได้โดยง่ายเลย
รู้ว่าชีวิตเหลือน้อยจึงควรแสวงหาสัจจธรรม จึงควรเข้าใจว่าสัจจธรรมคืออะไร เริ่มจาก
การอบรมจากขั้นการฟัง สัจจธรรมคือความจริงที่มีในขณะนี้ เป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ต้อง
ไปค้นหาสัจจธรรม มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน สิ่งที่ควรอบรมคือปัญญา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ท่านอาจารย์มักถามอยู่บ่อยๆ ในการสนทนาธรรมว่า แล้วจะไปหาที่ไหนคะ หาที่ไหนในเมื่อขณะนี้ธรรมะมีอยู่ เกิดขึ้นปรากฎแต่ไม่รู้เลย แล้วเดี๋ยวนี้ รู้รึยัง เห็นรึยังเตือนสติว่า ความไม่รู้ของเรานั้นมีมากมายขนาดไหน ธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัวจนมองไม่เห็น เพราะไม่เคยรู้ว่าเป็นธรรมะ ไม่เคยเข้าใจว่า จริงๆ แล้ว ธรรมะ คืออะไร
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ 6 คำง่ายๆ ที่พวกเราไม่เคยรู้ความจริงและติดข้องจนต้องเกิดแล้วเกิดอีกมาเนิ่นนานเหลือเกินในสังสารวัฏฏ์และคงจะยังต้องเกิดแล้วเกิดอีกกันอย่างยาวนานต่อไป จนกว่าที่จะรู้แล้วละ ทั้งหมด.......
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ตราบใด สติปัฏฐาน ยังไม่เกิด
แม้ความจริงจะปรากฏอยู่ตลอดเวลาก็ไม่มีทางที่จะ ได้เจอกับความจริง.ผู้ใดเห็น "ธรรม"ผู้นั้นย่อมเห็น ตถาคต.
ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกท่านค่ะ