"ฟังธรรมโดยชินในคำ จำแต่ชื่อ ไม่ชินในลักษณะ จึงยังไม่รู้ตรงในลักษณะของธรรมะ ฟังให้เข้าใจสิ่งที่กำลังฟัง"
"ถ้ากล่าวว่าธรรมะยาก คือ กำลังกล่าวสรรเสริญพระปัญญาคุณของพระพุทธองค์"
เหล่านี้คือ ตัวอย่างของธรรมวาทะที่ข้าพเจ้าประทับใจ จากการที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ สนทนาธรรมกับพวกเรา ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับผู้ศึกษา จึงขอเรียนเชิญชวนทุกท่านแลกเปลี่ยนธรรมวาทะ เพื่อประโยชน์แก่สหายธรรม
สาธุ ความประทับใจของผมที่มีต่อถ้อยคำของท่านอาจารย์ คือ ท่านนำพระพุทธวจนะมาแสดงแก่ผู้ฟังได้อย่างแจ่มแจ้ง ท่านไม่เบื่อหน่าย ไม่ท้อแท้ที่จะชี้แจงอธิบาย พระพุทธวจนะให้แก่ผู้ยังไม่เข้าใจ ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ ขอฟังธรรมวาทะ ด้วยคนครับ
"สภาพธรรมะเกิดดับเร็วสุดประมาณ"
"ยังไม่ต้องคิดถึงว่าเมื่อไรสติปัฏฐานจะเกิด ขณะนี้ทุกอย่างเป็นธรรมะ"
"ต้องรู้ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ก่อน รู้อย่างนี้จริงๆ หรือเปล่า"
"การศึกษาธรรมะคือขณะนี้เอง ไม่ใช่ไปคิดถึงอดีตที่ผ่านมา ซึ่งสภาพธรรมดับไปหมดแล้วและอนาคตซึ่งสภาพธรรมยังไม่เกิด ซึ่งไม่ใช่หนทาง"
"การเจริญปัญญาเหมือนการจับด้ามมีด นานแสนนานกว่าจะเห็นการสึก"
ขอยกธรรมวาทะที่เคยได้ฟังมา ดังนี้ครับ
"ถ้าสติไม่เกิด ใครก็เจริญกุศลไม่ได้"
..ขออนุโมทนาครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอกราบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอร่วมยกธรรมวาทะของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ทิ่กระผมประทับใจอย่างมาก สำหรับผู้ศึกษาธรรมร่วมกันได้พิจารณา ดังนี้ครับ .-
๑. คนข้างนอกที่เขาไม่ได้ศึกษาธรรม เขาก็มีลาภ ยศ สักการะ ความสรรเสริญกันเยอะแยะ แล้วเราจะมาเอาลาภ ยศ สักการะและความสรรเสริญอะไร จากการศึกษาธรรม
๒. บางท่านก็อาจจะไม่ได้พิจารณาโดยละเอียดว่า ในการศึกษาธรรม มีตัณหาแอบแฝงอยู่หรือไม่ เพราะเหตุว่าบางคนอาจจะพอใจที่เป็นผู้รู้ธรรมหรือว่าเป็นผู้ที่เก่ง แทนที่จะรู้เพื่อขัดเกลา ยิ่งรู้ก็ยิ่งละ นี้จึงจะเป็นการศึกษาธรรมที่ถูกต้อง
๓. ผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง คือ เป็นที่พึ่งให้เกิดปัญญาของตนเอง เพื่อละคลายและดับกิเลสของตนเอง
๔. กิเลสที่มีมาก ต้องอาศัยบารมีที่สะสมมากขึ้นๆ จึงสามารถที่จะละคลายได้
๕. บุคคลผู้ต่ำทราม หมายถึงบุคคลที่มีความเห็นผิดหรือไม่ได้สะสมกุศลมา แม้ว่าจะมีทรัพย์ตั้งแสนโกฏิ หรือว่าอยู่บนปราสาท ๗ ชั้น แต่ถ้ามีจิตใจสกปรก ถึงเป็นเศรษฐีมีเงิน ก็เป็นผู้ที่ต่ำทราม
๖. ธรรมเป็นเรื่องละ ไม่ใช่เรื่องติดข้อง แต่ต้องละความเห็นผิดและอกุศลทั้งหลายที่ไม่ดี เพราะว่าคนอื่นก็ละให้ไม่ได้ พ่อแม่ก็ละให้ไม่ได้ แต่เราเองต้องพิจารณาและเป็นตัวของเราเองที่จะแก้หรือเห็นโทษว่าสิ่งที่ไม่ดีนั้นเราไม่ควรสะสมให้มีบ่อยๆ
๗. ชีวิตประจำวัน จำเป็นต้องพูดหลายเรื่อง แต่ควรที่จะมีหิริโอตตัปปะ ระลึกได้ว่าจิตในขณะที่พูดนั้นเป็นกุศลหรืออกุศล ถ้าเป็นกุศลแล้ว เป็นการพูดที่เป็นประโยชน์
๘. เรื่องชีวิตของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะชีวิตของมนุษย์เป็นชีวิตที่เล็กน้อยและสั้นมาก เมื่อเป็นชีวิตที่สั้นและเล็กน้อย ก็ควรที่จะหาประโยชน์จากชีวิตนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และที่จะเป็นชีวิตที่มีค่าได้ ก็ด้วยการเจริญกุศล ขัดเกลากิเลส เพื่อการดับกิเลสเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด)
๙. จะเดือดร้อนไหม ถ้าเข้าใจธรรมตามกำลังปัญญาของตนเอง
ฯลฯ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมบูชาครูอาจารย์
ธรรมวาทะท่านอาจารย์ที่เมตตา ;
"มี-ไม่มี-แล้วหามีไม่ บังคับบัญชาไม่ได้"
"โลกเดือดร้อน-ไม่เดือดร้อน ก็เพราะ จิต"
"วันเวลา คือ สิ่งที่ไม่เป็นสาระ เกิด ปรากฎ หมดไป ทำของที่ไม่มีคุณค่าให้มีคุณค่า"
"ความดีที่ทำให้หมดความไม่ดี"
"ใครเป็นผู้ละชั่ว ถ้าเป็นเราก็ยังชั่วอยู่"
"เราไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร เวลาไหน ที่ไหน"
"มักน้อย = คุณธรรมไม่มีโลภะ"
"ในวันๆ หนึ่งถูกประทุษร้ายด้วยอกุศล"
ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่านค่ะ
ไม่ว่าจะมีโอกาสสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์สุจินต์ในวาระต่างๆ ท่านมักจะกล่าวตอนท้าย เป็นการเตือนอยู่เสมอว่าไม่ว่าจะศึกษาอย่างไร ฟัง คิด อ่าน เขียน ฯลฯ
"อย่าลืมว่า เป็นธรรมทั้งหมด ไม่ใช่เรา"
ขอกราบขอบพระคุณ และอนุโมทนา ในความเมตตากรุณา และความพากเพียร เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่นอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ตลอดเวลาอันยาวนาน ของ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เป็นกัลยาณมิตร เกื้อกูลข้าพเจ้า ในการศึกษาพระธรรมวินัยจากพระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น...
ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพ ที่ได้เผยแพร่พระสัทธรรม และย้ำตลอดเวลา ให้พวกเราได้ยิน ได้ฟัง ได้คิด และพิจารณา สภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งทำให้ละคลายไปได้บ้าง กว่าที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์ค่ะ
จากการสนทนาธรรมในวันอาทิตย์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๑ ท่านอาจารย์สุจินต์ได้ให้ความเข้าใจถึงประโยชน์สูงสุดในการฟังพระธรรม เพื่อการเจริญขึ้นของกุศลธรรม ซึ่งเป็นผลจากความเห็นถูกในสภาพธรรมที่ปรากฏในขณะนี้ตามความเป็นจริง เพราะรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงธรรม จนกว่าวันหนึ่งเป็นผู้ถึงพร้อมซึ่งชีวิตที่สุจริต มั่นคง ในการอบรมปัญญา
บางท่านเข้าใจว่า การศึกษาธรรมก็เพื่อให้เป็นคนดี จึงเคยได้ยินท่านอ.สุจินต์กล่าวว่า
๑. "ดีเท่าไรก็ไม่พอ" เพราะไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
๒. "ทะเลภาพ ทะเลชื่อ" เพื่อเตือนให้เข้าใจอรรถของพระธรรม ไม่ใช่เข้าใจเพียงเรื่องราว ของธรรมะ หรือรู้ชื่อเท่านั้น พูดตามได้ ตอบได้
"อกุศล แม้เท่าเม็ดทราย ก็หนัก"
"พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงหนทางอบรมเจริญปัญญาอย่างละเอียด ทรงแสดงเหตุและปัจจัยที่ทำให้การอบรมเจริญปัญญาขึ้น ซึ่งโดยย่อคือ การฟังธรรม และเห็นประโยชน์ของการศึกษาธรรม เมื่อปัจจัยทั้งสองนี้ เกิดขึ้นบ่อยๆ เนืองๆ ปัญญาก็ย่อมอบรมเจริญขึ้นได้" สัมโมทนียกถาบางส่วนของ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในวาระที่ได้รับรางวัลสตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนา
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติม .....
ความเข้าใจพระธรรมเป็นสาระสำคัญที่สุดในชีวิต
การเจริญสติปัฏฐาน ต้องเป็นผู้ตรง .... ตรงต่อสภาพธรรม
ฟังให้เข้าใจจนกว่าจะเป็นสัญญาที่มั่นคงว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใชสัตว์ บุคคลค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
@ ศึกษาธรรมเพื่อขัดเกลาเพื่อเป็นคนดี
@ สำคัญที่น้อมประพฤติปฏิบัติตามต้องเริ่มที่ความเห็นถูก อย่างอื่นก็ถูกต้องด้วย
@ วางเฉยในความผิดของสัตว์ทั้งหลายแต่ไม่วางเฉยในประโยชน์ของสัตว์ทั้งหลาย
@ นึกถึงความสุขของผู้อื่นก่อน
@ เป็นหน้าที่ของธรรมที่ทำให้ปัญญาเจริญ การศึกษาธรรมจึงเป็นเรื่องเบา
@ ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ เห็นภัยในโทษมีประมาณน้อย
@ วันคืนล่วงล่วงไป พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่
@ อบรมบารมีในชีวิตประจำวันขณะนี้มีธรรม เข้าใจขณะนี้หรือยัง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
โดนใจกระทู้นี้มากๆ เพราะหลายครั้งที่วาทะของท่านอาจารย์กระตุ้นสำนึก เช่น โลภะเป็นอาจารย์ พูดแล้วท่านก็ยิ้มสว่าง กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความรัก (โลภะ)
อนุโมทนากับคุณอรวรรณด้วยค่ะ
หัวใจของพุทธศาสนา คือ การละ
หัวใจของพระพุทธศาสนาคือ การละชั่ว ทำดี อบรมจิตให้ผ่องใสค่ะ
โลภะเป็นทั้งอาจารย์และลูกศิษย์
โลภะเป็นเพื่อนสนิท ไม่ยอมห่างไปไหน
โลภะจะคอยกระซิบอยู่ใกล้ๆ
โลภะจะแทรกไว้ เหมือนอากาศธาตุแทรกคั่นระหว่างรูปแต่ละกลาป
ควรเข้าใจ สิ่งที่เข้าใจได้ ไม่ใช่เอาชื่อต่างๆ มาดูแล้ว งง ไม่เข้าใจ ควรเข้าใจพระธรรมที่ปรากฏ เข้าใจอย่างนี้ เนืองๆ บ่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด มีปัจจัยจึงเกิด เมื่อทุกอย่างเกิดแล้ว จริง คือเมื่อเกิดแล้ว ทุกอย่างแสดงความเป็นอนัตตา เกิดขึ้นชั่วขณะ แล้วดับไป ไม่กลับมาอีก ควรเข้าใจสิ่งที่เกิดแล้วเท่านั้น จะไม่มีวันรู้สิ่งที่ยังไม่เกิด
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
คำถามหนึ่งที่ท่านอาจารย์มักถาม เพื่อเตือนสติ คือ
...อกุศลของใคร... และคำเตือน ...ต้องเป็นผู้ตรง... ฯลฯ
กราบขอบพระคุณและขอกราบอนุโมทนา
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
คำสั้นๆ
๑ เป็นผู้หมั่นเจริญสติ
๒ ศึกษาพระธรรมเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงตอนนี้ ขณะนี้
๓ สาวก หรือ สาวะโก หมายถึงผู้ฟัง ดังนั้น "เราต้องฟัง" (พระธรรม)
ขออนุโมทนากุศลที่เจริญแล้วของทุกท่านครับ และ กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง แต่จริงแล้ว ขอใช้คำว่า "ทุกคำที่ท่านเอ่ยสอนเลยครับ" ชัดเจนจริงๆ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ