ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจาก
อรณวิภังคสูตร ความรู้ตัดสินความสุข ๓๒๕
[๖๖๐] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า
ไม่พึงกล่าววาทะลับหลัง ไม่พึงกล่าวคำล่วงเกินต่อหน้า
นั่น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ในประการแรกนั้น
พึงรู้วาทะลับหลังใด ไม่เป็นจริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ไม่พึงกล่าววาทะลับหลังนั้นเป็นอันขาด
แม้รู้วาทะลับหลังใดจริงแท้แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ก็พึงสำเหนียกเพื่อจะไม่กล่าววาทะลับหลังนั้น
และรู้วาทะลับหลังใด จริง แท้ ประกอบด้วยประโยชน์ ในเรื่องนั้น
พึงเป็นผู้รู้จักกาล เพื่อจะกล่าววาทะลับหลังนั้น .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในประการหลังนั้น
พึงรู้คำล่วงเกินต่อหน้าใด ไม่เป็นจริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ไม่พึงกล่าวคำล่วงเกินต่อหน้านั้นเป็นอันขาด
แม้รู้คำล่วงเกินต่อหน้าใด จริง แท้แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ก็พึงสำเหนียกเพื่อจะไม่กล่าวคำล่วงเกินต่อหน้านั้น
และรู้คำล่วงเกินต่อหน้าใด จริง แท้ ประกอบด้วยประโยชน์ ในเรื่องนั้น
พึงเป็นผู้รู้จักกาลเพื่อจะกล่าวคำล่วงเกินต่อหน้านั้น
ข้อที่กล่าวดังนี้ว่า
ไม่พึงกล่าววาทะลับหลัง ไม่พึงกล่าวคำล่วงเกินต่อหน้า นั่น
เราอาศัยเนื้อความนี้ กล่าวแล้ว.
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เป็นคำสอนที่ส่องให้เห็นได้ว่า ในแต่ละวันวาทะที่กล่าวออกไป ไม่คอยจะเป็นประโยชน์
จริงๆ เลยครับ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอ และทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณผู้ร่วมเดินทาง และทุกๆ ท่านครับ
ข้อสังเกตของคุณผู้ร่วมเดินทาง น่ายกย่องมากครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ