[เล่มที่ 56] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 142
๕. อนภิรติชาดก
เปรียบหญิงเหมือนของ ๕ อย่าง
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 56]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 142
๕. อนภิรติชาดก
เปรียบหญิงเหมือนของ ๕ อย่าง
[๖๕] "ขึ้นชื่อว่าหญิงทั้งหลายในโลก มีอุปมาเหมือนแม่น้ำ หนทาง โรงน้ำดื่ม ที่ประชุม และบ่อน้ำ บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมไม่ถือโกรธหญิงเหล่านั้น".
จบ อนภิรติชาดกที่ ๕
อรรถกถาอนภิรติชาดกที่ ๕
พระบรมศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหาร ชื่อว่า เชตวัน ทรงปรารภอุบาสกผู้มีเรื่องอย่างนั้นแหละ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า "ยถา นที ปนฺโต จ" ดังนี้.
ก็เมื่ออุบาสกนั้น คอยเฝ้าจับตาดูอยู่ ก็รู้ความที่หญิงผู้เป็นภรรยานั้น มีความประพฤติชั่ว จึงมีจิตเดือดดาล และเพราะเหตุที่ตนเป็นผู้มีจิตกังวลขุ่นมัว จึงไม่ได้ไปสู่ที่บำรุงพระศาสดา เสีย ๗ - ๘ วัน ครั้นวันหนึ่ง เขาไปวิหาร ถวายบังคมพระตถาคตเจ้า นั่งเรียบร้อยแล้ว เมื่อพระศาสดาตรัสว่า เพราะเหตุไร จึงไม่มาเสีย ๗ - ๘ วัน จึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภรรยาของข้าพระองค์ เป็นหญิงมีความประพฤติชั่ว เพราะเหตุที่ข้าพระองค์
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 143
มีจิตขุ่นหมองในเรื่องชั่วๆ ของนาง จึงมิได้มาเฝ้า พระเจ้าข้า พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนอุบาสก บุรุษต้องไม่ทำความขุ่นเคืองในหญิงทั้งหลายว่า หญิงเหล่านี้ประพฤติอนาจาร พึงวางตนเป็นกลางอย่างเดียว แม้ในกาลก่อน บัณฑิตทั้งหลายก็บอกท่านแล้ว แต่ท่านกำหนดเหตุนั้นไม่ได้ เพราะภพอื่นปกปิดไว้ อุบาสกกราบทูลอาราธนา จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ โดยนัยก่อนนั่นแล ครั้งนั้น ศิษย์ของท่านก็ได้เห็นโทษของภรรยาแล้ว ไม่มาหาเสีย ๒ - ๓ วัน เพราะความเป็นผู้มีจิตขุ่นหมอง วันหนึ่งถูกอาจารย์ถาม ก็แจ้งเหตุนั้นให้ทราบ ครั้นแล้วอาจารย์ของเขาจึงกล่าวว่า พ่อเอ๋ย ขึ้นชื่อว่า หญิง เป็นของทั่วไปแก่คนทั้งปวง บัณฑิตทั้งหลายจะไม่ทำความขุ่นเคืองในหญิงเหล่านั้นเลยว่า หญิงเหล่านี้เป็นคนทุศีล มีแต่บาปธรรม แล้วกล่าวคาถานี้ โดยมุ่งให้เป็นคำสอน ความว่า.
"ขึ้นชื่อว่า หญิงทั้งหลายในโลก มีอุปมาเหมือนแม่น้ำ หนทาง โรงน้ำดื่ม ที่ประชุม และบ่อน้ำ บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมไม่ถือโกรธหญิงเหล่านั้น" ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยถา นที ความว่า แม่น้ำมีท่ามาก เป็นสถานที่สาธารณะ แม้แก่คนชั้นต่ำ มีคนจัณฑาลเป็นต้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 144
แม้แก่คนชั้นสูง มีกษัตริย์เป็นต้น ผู้มุ่งมาเพื่อจะอาบ ในบรรดาคนเหล่านั้น ใครๆ ชื่อว่า จะอาบไม่ได้ ไม่มีเลย.
แม้ในบทมีอาทิว่า ปนฺโต ก็มีอธิบายว่า แม้หนทางใหญ่ ก็เป็นทางสาธารณะสำหรับคนทั้งปวง ใครๆ ที่จะชื่อว่า ไม่ได้เดินทางนั้น ก็มิได้มี.
บทว่า ปานาคารํ ความว่า โรงเหล้า จัดเป็นสถานสาธารณะสำหรับคนทั่วไป คนใดๆ ปรารถนาจะดื่ม ทุกๆ คนก็มีสิทธิเข้าไปในโรงเหล้านั้นได้ทั้งนั้น แม้ถึงสภาที่ผู้ปรารถนาบุญสร้างไว้ เป็นที่พักอาศัยของมนุษย์ทั้งหลาย ในที่นั้นๆ ก็เป็นสถานสาธารณะ ใครๆ จะไม่ได้เข้าไปในสภานั้น ก็มิได้มี แม้ประปาที่เขาตั้งตุ่มน้ำสำหรับดื่มใกล้ทางใหญ่สร้างขึ้นไว้ ก็เป็นของสาธารณะสำหรับคนทั่วไป ใครๆ จะไม่ได้ดื่ม น้ำดื่ม ในที่นั้น ก็มิได้มี ฉันใด.
บทว่า เอวํ โลกิตฺถิโย นาม ความว่า ดูก่อนพ่อมาณพหนุ่มน้อย หญิงทั้งหลายในโลกนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นของสาธารณะสำหรับคนทั่วไป คือเป็นเช่นกับแม่น้ำ หนทาง โรงดื่ม สภาและประปา ด้วยอรรถว่า เป็นของทั่วไปนั้นแล เพราะเหตุนั้น บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมไม่โกรธเคืองหญิงเหล่านั้น อธิบายว่า บัณฑิต คือคนฉลาด สมบูรณ์ด้วยความรู้ คิดเสียว่า หญิงเหล่านี้ลามก อนาจาร ทุศีล เป็นหญิงสาธารณะแก่คนทั่วไป ดังนี้แล้ว จึงไม่โกรธหญิงเหล่านั้น.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 145
พระโพธิสัตว์ให้โอวาทแก่ศิษย์อย่างนี้ เขาฟังโอวาทนั้นแล้ว จึงวางใจเป็นกลางได้ แม้ภรรยาของเขา ก็คิดว่า ได้ยินว่าอาจารย์รู้เรื่องของเราแล้ว ตั้งแต่บัดนั้น ก็ไม่ทำกรรมอันลามกอีก.
แม้ภรรยาของอุบาสกนั้น ก็คิดว่า ได้ยินว่าพระศาสดารู้เรื่องของเราแล้ว ตั้งแต่นั้นก็ไม่ทำบาปกรรมอีก.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสประกาศสัจจะทั้งหลาย เมื่อจบสัจจะอุบาสกก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล แม้พระศาสดาก็ทรงสืบอนุสนธิประชุมชาดกว่า คู่ผัวเมียในครั้งนั้น ได้มาเป็นคู่เมียผัวในครั้งนี้ ส่วนพราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาอนภิรติชาดกที่ ๕