คนที่ป่วยแล้วไม่ยอมไปรักษา แต่ใช้สมาธิรักษาโรคของตัวเอง
โดย oom  30 เม.ย. 2550
หัวข้อหมายเลข 3597

กรณีแบบนี้ สามารถรักษาได้หรือไม่ เคยอ่านในหนังสือผู้ที่สามารถรักษาโรคได้ ต้องมีอภิญญา จึงจะรักษาได้ผล



ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 30 เม.ย. 2550

ในสมัยครั้งพุทธกาล เมื่อพระพุทธองค์ทรงประชวร ทรงรักษาด้วยการเข้าสมาธิ ซึ่งเป็นสมาธิระดับโลกุตรคือ ผลสมาบัติ แต่สมาธิในสมัยนี้คงไม่สามารถรักษาอาการที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 273

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระประชวร ครั้งนั้นแล เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเข้าจำพระวัสสาแล้ว ก็เกิดทรงพระอาพาธแรงกล้า มีเวทนาหนักเป็นใกล้สิ้นพระชนม์. กล่าวกันว่าพระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระสติสัมปชัญญะ ทรงอดกลั้นเวทนานั้น มิได้ทรงกระวนกระวาย

ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้มีพระดำริว่า การที่เราไม่บอกกล่าวกะผู้เป็นอุปัฏฐาก ไม่บอกลาภิกษุสงฆ์ แล้วปรินิพพานนั้น เป็นการไม่สมควรแก่เรา อย่างไรก็ตาม เราควรขับไล่อาพาธนี้ให้ถอยไป ด้วยพระวิริยะแล้วอธิษฐานชีวิตสังขารดำรงอยู่.

ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงขับไล่ พระโรคาพาธนั้นให้ถอยไปด้วยพระวิริยะแล้ว ทรงอธิษฐานชีวิตสังขารดำรง พระชนม์อยู่ ครั้นแล้วพระโรคาพาธนั้นของพระผู้มีพระภาคเจ้าก็สงบไป.

อรรถกถาขยายความ บทว่า วิริเยน ได้แก่ด้วยความเพียรเบื้องต้น และด้วยความเพียรที่สัมปยุตด้วยผลสมาบัติ.

บทว่าปฏิปฺฌาเมตฺวา แปลว่า ขับไล่ แม้ชีวิตก็ชื่อว่าชีวิตสังขารในคำว่า ชีวิตสังขารนี้ ชีวิตอันธรรมใดปรุงแต่งถึงขาดก็สืบต่อตั้งอยู่ แม้ธรรมที่เป็นผลสมาบัตินั้น ก็ชื่อว่าชีวิตสังขาร ธรรมคือ ผลสมาบัตินั้น

ท่านประสงค์เอาในที่นี้. บทว่า อธิฏฺฐาย ได้แก่อธิษฐานให้เป็นไปแล้ว ความสังเขปในข้อนี้มีดังนี้ว่า เราพึงเข้าผลสมาบัติ ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้.


ความคิดเห็น 2    โดย อิสระ  วันที่ 30 เม.ย. 2550

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย olive  วันที่ 1 พ.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย wirat.k  วันที่ 1 พ.ค. 2550

พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า เหตุของโรคมาจาก ๔ เหตุคือ เกิดเพราะอุตุ (ความเย็นความร้อน) เกิดเพราะอาหาร เกิดเพราะจิต เกิดเพราะกรรม ซึ่งทั้งหมดก็ต้องเป็นผลของอกุศล เพราะนำทุกข์โทษมาให้ ดังนั้นเมื่อป่วยไข้ก็ควรทำการรักษาให้ดีที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ ส่วนจะหายหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะโรคบางโรคก็รักษาหาย บางโรคก็ไม่หาย ตามเหตุที่เกิดของโรคนั่นเอง
เมื่อป่วยไข้ก็ขอแนะนำให้ไปหาหมอนะครับ ส่วนเรื่องจะหายไม่หายก็ไม่มีใครทราบได้ ถ้าอาการดีขึ้นก็จะได้ใช้ประโยชน์จาก อัตภาพความเป็นมนุษย์นี้ ในการศึกษาพระธรรมให้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะเป็นโอกาสยากที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ ความยากต่อมาคือ พบพระธรรมคำสอนที่ถูกต้อง

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 5    โดย oom  วันที่ 1 พ.ค. 2550

ขอบพระคุณที่ให้ความเข้าใจค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย wannee.s  วันที่ 1 พ.ค. 2550

ถ้าเราไปหาหมอรักษาเท่าที่รักษาได้จะดีกว่าใช้สมาธิรักษานะ เราจะได้หายจากโรค (ถ้าไม่ใช่โรคกรรม) เราจะได้มีชีวิตอยู่เพื่ออบรมเจริญปัญญา และทำบุญไว้เป็นเสบียงในภพหน้าค่ะ ผู้มีบุญอันทำไว้แล้ว ย่อมเพลิดเพลินในโลกนี้และโลกหน้า


ความคิดเห็น 7    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 1 พ.ค. 2550

คนที่ป่วยแล้วไม่ยอมไปรักษา แต่ใช้สมาธิรักษาโรคของตัวเอง กรณีแบบนี้ สามารถรักษาได้หรือไม่ เคยอ่านในหนังสือผู้ที่สามารถรักษาโรคได้ ต้องมีอภิญญา จึงจะรักษาได้ผล?

ใช้สมาธิรักษาได้ แต่เป็นสมาธิในระดับอรหัตตผลสมาบัติ ที่พระผู้มีพระภาคทรงขับไล่อาพาธ เมื่อคราวใกล้จะปรินิพพานแต่ก็มีบางสูตร แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ต้องรักษาด้วยยาเช่นกัน จึงควรรักษาในทุกวิธีที่เหมาะสมครับ

... เชิญคลิกอ่านที่นี่ ...

เรื่อง พระพุทธเจ้าทรงหายพระประชวรด้วยยา [เทวหิตสูตร]

... เชิญคลิกอ่านที่นี่ ...

คนไข้ ๓ จำพวก [คิลานสูตร]

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย


ความคิดเห็น 8    โดย พุทธรักษา  วันที่ 20 ต.ค. 2550

ทุกวันนี้ก็ยังเป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่ง เคยลองวิธีอื่นมาแล้วหลายอย่าง แต่ก็มาลงเอย ด้วยการไปพบแพทย์ ทานยา จึงกลับมาใช้ชีวิตตามปรกติได้ โดยเฉพาะ การฟังธรรม จริงๆ แล้ว ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วจะไม่มีโรค โดยเฉพาะ "โรคหิว"


ความคิดเห็น 9    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 27 ม.ค. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ