ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จะเห็นได้ว่า หลายคน ฟังมานาน แต่ก็เหมือนเดิมเช่น เคยโกรธ ก็ยังโกรธอยู่แต่ แต่ก็ยังฟังพระธรรม เมื่อสังขารขันธ์ปรุงแต่ง จนกระทั่ง เข้าใจพระธรรม ขณะใดขณะนั้น ย่อมเห็นความเปลี่ยนแปลงเช่น เห็นโทษของตัวเอง ที่โกรธบุคคลอื่นไม่ใช่เห็นโทษของคนอื่น ที่ทำให้เราโกรธ.อันนี้ ต่างกันแล้ว ใช่ไหม
อกุศลธรรมที่มีมาก ก็ต้องมีเหตุเพราะอกุศลจิตเกิดง่ายมาก และ ได้สะสมมามาก ถ้าไม่มากจนกระทั่งล้น เช่น ทันทีที่เห็น ก็เกิดอกุศลจิต นั้น จะเป็นไปได้ไหม เพราะฉะนั้น ถ้าใครก็ตาม ที่เปลี่ยนไปจากเดิมก็เพราะ ความเข้าใจพระธรรม ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นเลย
ความเข้าในพระธรรม ที่มากพอมากพอที่จะเป็นปัจจัยให้กุศลจิต เกิดแทนที่อกุศลจิตนี่คือประโยชน์ของ ความเข้าใจพระธรรม ไม่ใช่ฟังด้วยความหวัง ว่า เมื่อไร สติปัฏฐานจะเกิด โดยที่ไม่เข้าใจ ว่า เป็นสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่ง
ใครก็ไปกะเกณฑ์ไม่ได้ ว่า วันนี้จะให้เข้าใจได้แค่นี้วันต่อไปจะให้เพิ่มขึ้นอีกมาก หรือ หวังว่าสติปัฏฐานจะเกิดเมื่อไรถ้าเข้าใจ ความเป็นอนัตตา ของ "ธรรม" ก็จะไม่มีปัญหาเหล่านี้เลย
เพราะฉะนั้น แต่ละคำที่ได้ฟังนี้ มีความละเอียด ลึกซึ้งในขณะที่ฟัง ฟังด้วยความเคารพ ก็ต่างจากขณะที่ฟังด้วยความไม่เคารพทั้งนี้ก็เป็นเพราะ เห็นประโยชน์ของการที่จะเข้าใจพระธรรมที่ได้ฟัง
การฟังพระธรรม ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก จนกระทั่ง สังขารขันธ์ปรุงแต่งเป็นปัจจัยให้สามารถที่จะเข้าใจ "สภาพธรรม" ในขณะที่ได้ฟังเรื่องสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ต่างกัน
ถ้าฟังพระธรรมด้วย "ความหวัง" ว่าเมื่อไรสติปัฏฐานจะเกิดหมายความว่า ขณะนั้นไม่ได้ฟังเพื่อที่จะเข้าใจ "ธรรมะ" ที่กำลังฟัง
ข้อความบางตอนจากการสนทนาธรรม วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๒ ณ อาคารมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
ขออนุโมทนา
บุคลที่มีการสังสมการฟังธรรม ฟังอีกแล้วย่อมมีการเปลียนแปลง คือมีสมาธิเพิ่มขึ้น มีสติเพิ่มขึ้น เข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมากขึ้น ถ้ามีกำลังมากขึ้นก็จะยิงไกลและยิงไว ครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ คุณพุทธรักษาที่นำมาโพสต์ให้อ่าน และกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ