ไม่เข้าใจในเรื่องจิต เจตสิก รูป แต่หมดกิเลสได้?
โดย showtana  4 ส.ค. 2548
หัวข้อหมายเลข 232

ขอเรียนถามว่าเป็นไปได้ไหมที่มีผู้ที่บอกว่าไม่มีกิเลสแล้ว แต่ว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจในเรื่องของจิต เจตสิก รูป เลย

ขอบคุณค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 5 ส.ค. 2548

การที่จะถึงความเป็นผู้ที่หมดกิเลสนั้น จะต้องอบรมเจริญปัญญารู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ นามธรรมและรูปธรรม หรือจิต เจตสิก รูป ตามความเป็นจริง จนวิปัสสนาเจริญถึงขั้นมรรคญาณ ประจักษ์แจ้งในลักษณะของพระนิพพาน จึงจะดับกิเลสได้ตามลำดับของอริยมรรคขั้นต่างๆ เพราะฉะนั้นจะต้องรู้ความจริงคือสภาพธรรม ไม่ใช่เข้าใจผิดไปเองว่าหมดกิเลสโดยไม่ได้มีการอบรมเจริญปัญญา


ความคิดเห็น 2    โดย prapas.p  วันที่ 26 ก.ค. 2549

กิเลส ก็คือ เจตสิก เมื่อเจตสิกเกิดย่อมเกิดพร้อมจิต โดยสัมปยุตปัจจัย ในภูมิมนุษย์ จิตและเจตสิกต้องอาศัยที่เกิดคือรูปธรรม (วัตถุ ๖ มีจักขุวัตถุ ๑ โสตะวัตถุ ๑ ฆานะวัตถุ ๑ ชิวหาวัตถุ ๑ กายวัตถุ ๑ หทยวัตถุ ๑) กิเลสเป็นเจตสิกเกิดกับอกุศลจิตอาศัยหทยรูปเป็นที่เกิดไม่ใช่ตัวเรา ต้องเข้าใจว่าไม่มีตัวเรามีแต่สภาพธรรมะ คือ จิต เจตสิก รูป ไม่ใช่ตัวตนมีกิเลสหรือตัวตนหมดกิเลส

"เมื่อไม่รู้เรื่อง จิต เจตสิก รูป" ก็ไม่สามารถรู้สภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก รูป จะไปรู้ว่ามีกิเลสก็ยังไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงจะรู้เหตุเกิดและหนทางดับกิเลส เพราะฉะนั้นผู้ที่บอกว่าไม่มีกิเลสแล้ว จึงชื่อว่าไม่รู้จักกิเลส เพราะยังมีกิเลสครบ


ความคิดเห็น 3    โดย prapas.p  วันที่ 26 ก.ค. 2549

[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ 339

๕. อนังคณสูตร

[๕๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :- ฯลฯ บุคคล ๔ จำพวก

[๕๔] ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า คุณครับ บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้มีปรากฏอยู่ในโลก. ๔ จำพวกนั้นเป็นไฉน?

ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย บุคคลลางคนในโลกนี้ บุคคลใดมีอังคณกิเลสแต่ไม่รู้ตามเป็นจริงว่า เรามีอังคณกิเลสในภายใน ๑

บุคคลใดมีอังคณกิเลส ก็รู้ตามเป็นจริงว่าเรามีอังคณกิเลสในภายใน ๑

บุคคลใดไม่มีอังคณกิเลส แต่ไม่รู้ตามเป็นจริงว่าเราไม่มีอังคณกิเลสในภายใน ๑

บุคคลใดไม่มีอังคณกิเลส ก็รู้ตามเป็นจริงว่าเราไม่มีอังคณกิเลสในภายใน ๑.

ในบุคคล ๔ จำพวกนั้น บุคคลใดมีอังคณกิเลส แต่ไม่รู้ตามเป็นจริงว่าเรามีอังคณกิเลสในภายใน บุคคล ๒ จำพวกที่มีอังคณกิเลสเหมือนกันนี้ แต่บุคคลนี้บัณฑิตกล่าวว่าเป็นบุรุษเลวทราม.

ในบุคคล ๔ จำพวกนั้น บุคคลใดมีอังคณกิเลส รู้ตามเป็นจริงว่าเรามีอังคณกิเลสในภายใน บุคคล ๒ จำพวกที่มีอังคณกิเลสเหมือนกันนี้ แต่บุคคลนี้บัณฑิตกล่าวว่าเป็นบุรุษประเสริฐ.

ในบุคคล ๔ จำพวกนั้น บุคคลใดไม่มีอังคณกิเลส แต่ไม่รู้ตามเป็นจริงว่าเราไม่มีอังคณกิเลสในภายใน บุคคล ๒ จำพวกที่ไม่มีอังคณกิเลสเหมือนกันนี้ แต่บุคคลนี้บัณฑิตกล่าวว่าเป็นบุรุษเลวทราม.

ในบุคคล ๔ จำพวกนั้ั้น บุคคลใดไม่มีอังคณกิเลสเลย รู้ตามเป็นจริงว่าเราไม่มีอังคณกิเลสในภายใน บุคคล ๒ จำพวกที่ไม่มีอังคณกิเลสเหมือนกันนี้ แต่บุคคลนี้บัณฑิตกล่าวว่าเป็นบุรุษประเสริฐ.

ฯลฯ


ความคิดเห็น 4    โดย pornpaon  วันที่ 4 ธ.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 5    โดย chatchai.k  วันที่ 30 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ