หนูรู้คะแนนเอนทรานซ์แล้ว อยากได้มหาวิทยาลัยที่ต้องการ แล้วไปบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะมีผลให้ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัย ที่ต้องการได้หรือไม่ มีสิทธิ์จะได้เข้ามากน้อยแค่ไหนค่ะ
การบนบานสิ่งต่างๆ เป็นเพียงความเชื่อที่ไม่มีเหตุผลแต่อย่างใดลองพิจารณาดูว่า ถ้าการบนบานได้ผลทุกคนและทุกครั้ง ทุกคนโลกนี้จะไม่มีใครพบกับความผิดหวังเลย จะมีแต่ความสมหวังทุกคน แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้นบางคนสมหวัง บางคนผิดหวัง นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เหตุที่ทำให้ได้สิ่งต่างๆ นั้นต่างกัน เหตุคือความดีที่เคยได้ทำไว้ในกาลก่อน และมีปัจจัยในปัจจุบันเป็นเครื่องอุดหนุน เช่นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เพราะการเตรียมตัวในการสอบเป็นอย่างดี ด้วยการขยันอ่านหนังสือก็เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้สอบผ่านและกรรมดีในอดีตก็เป็นปัจจัยหลักทำให้สมหวังตามที่ต้องการ
หนูต้นไม้คะ
การบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่กับวิถีชีวิตไทยมาช้านาน จนกลายเป็นค่านิยมไปแล้วไปทั้งประเทศ เพราะฉะนั้น ในเมื่อปู่ย่าตายายเราก็เชื่อมาอย่างนี้ เราที่เป็นลูกหลานก็เหมือนกับอดไม่ได้ที่จะเชื่อตาม เพราะเราต้องเชื่อผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่เราก็เหมือนกับอยากจะเชื่อ แต่บางครั้งเราก็ไม่เชื่อ
แต่ถ้าหากว่าเราได้ศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ แล้วเราจะพบได้ว่า คำสอนของท่าน ไม่มีเลยที่จะงมงาย และไม่มีเหตุผลเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านตรัสรู้ คือความจริงของชีวิตแท้ๆ เลย ฉะนั้น เราควรที่จะเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเราควรที่จะเชื่อในพระธรรมคำสอนดีคะ? แต่รู้มั้ยคะว่า ความจริงของชีวิตแท้ๆ นี่แหละ ไม่ได้ที่จะเข้าใจได้ง่ายๆ เลย ต้องอาศัยทั้งการอ่าน การฟัง การพิจารณาให้ถี่ถ้วน เผินไม่ได้เลย
เพราะความจริงของชีวิตแท้ๆ นี้ ทั้งละเอียด ลึกซึ้ง ลุ่มลึกและเข้าใจยาก รู้ตามได้ยาก แต่ไม่เกินฐานะที่เราจะศึกษาได้ หากมีความอดทนพอ อดทนตลอดชีวิตที่จะเพียรศึกษาให้เข้าใจในคำสอน
หวังว่าหนูคงจะไม่ไปเพียรทำอย่างอื่นนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้หนูได้ศึกษาธรรมให้เข้าใจ เพื่อที่จะเป็นที่พึ่ง เป็นเกาะ แก่ชีวิตหนูตลอดไปค่ะ ด้วยความปราถนาดี
มีเยาวชนเข้ามาเป็นสมาชิกบ้านธัมมะบ้างแล้ว ถ้าเพื่อนๆ เยาวชนคนใด สนใจก็เข้ามาได้เลย พี่ๆ สมาชิกเก่ายินดีต้อนรับ
ขอเรียนถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคุณต้นไม้หน่อยครับ อาจมีทางเป็นได้ถ้าใช้เป็น
อนุโมทนาด้วยกับ พี่ๆ น้องๆ ที่สนใจธัมมะ นะครับ
ความคิดเห็นที่ 4 ค่ะ
ผู้ที่ศรัธทาเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ย่อมไม่เชื่อสิ่งใดนอกจากคำสอนที่ว่า"สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้ " คงไม่มีใครสามารถใช้ หรือรู้วิธีใช้ หรือบังคับใช้ให้เป็นไปตามความปรารถนา
ขอขอบคุณ......คุณnamarupa ค่ะที่ช่วยแสดงความคิดเห็นที่ดีกับหนูให้ได้ใช้ความพยายามของตัวเองมากกว่าที่จะรอให้สิ่งศักดิ์มาช่วยจะนำไปปฏิบัติตามนะค่ะ
คะแนน a กับ o net ของหนูได้ 708 คะแนนค่ะ เลยโชคดีคาดว่าคงต้องติด u top tenก็ดีใจที่ผู้ใหญ่เมตตาให้คำแนะนำอย่าง namarupa , คุณนอแรด คุณ pornchai และคุณgee ขอถามการแต่ละสถานที่มีวิธีต่างกันอย่างบ้างคะ
เรียนคุณ : namarupa
ตอบคำถามได้อบอุ่นดีจังเลยหนูอ่านแล้วต้องอย่างนี้แหล่ะ (แบบคุณ) คือ อธิบายโดนมากใครอยากทราบก็โปรดเลื่อนไปดูกรอบที่ ๒ นะคะ แล้วหนูจะคอยติดตามผลงานของคุณแต่อาจะไม่ได้เขียนมานะ เพราะระยะนี้หนูช่วยคุณป้าแกทำงาน เดือนหน้าต้องใช้เงินมอบตัวชั้น ม.๔ ร.ร. ไทยนิยมสงเคราะห์ บางเขนค่ะ (สอบ ม ๓ หนูได้ที่ ๑ขอบอก)
สำหรับ g กับ นอแรด อ่านแค่บรรทัดเดียวหนูก็รู้ว่าคุณมีน้ำใจดี และมีธรรมในใจ และเนื่องในวันสงกรานต์ คุณพี่ ป้า น้า อา คุณตาและคุณยาย บุญส่งให้ร่ำรวย มีสุขทุกๆ ท่านนะคะ
น้องเนสคะ
ก่อนอื่น ก็ต้องขออนุโมทนาในจิตที่เป็นกุศลของหนู ขอบอกว่า รู้สึกอบอุ่นใจและปลื้มใจมากๆ ที่เห็นเด็กๆ อย่างหนูต้นไม้ แล้วก็หนูซึ่งอยู่แค่ ม.๓ มีความสนใจเข้ามาถามปัญหาธรรม ซึ่งหายากมาก เป็นบุญเก่าของพวกหนูจริงๆ ที่ได้เข้ามาร่วมสนทนากับพวกคุณพี่ ป้า น้า อา คุณตาและคุณยาย อย่างพวกเรา หนูเดินมาถูกทางแล้วลูก ขอให้หนูอย่าทิ้ง อย่าละเลยและเพียร ที่จะเดินทางนี้ไปตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เมื่อสร้างเหตุที่ดี ผลที่ดีย่อมตามมาอย่างแน่นอน หนูได้ค่อยๆ สะสมความรู้ความเข้าใจในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าในวันนี้ ความรู้ความเข้าใจที่หนูได้สะสมไว้แล้วนี้จะไม่หายไปไหน จะติดตามหนูไปตลอด อายุหนูก็เพียงแค่นี้ ขอเพียงแต่ว่าอย่าประมาทในชีวิตก็แล้วกัน เพราะไม่มีใครที่สามารถจะรู้ได้เลยว่า เราจะตายกันวินาทีไหน วันไหน ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีความแน่นอน นอกเสียจากพระธรรมคำสอนเท่านั้น ขอขอบคุณในคำอวยพรและขอให้พรนั้นกลับไปที่หนูเช่นกันค่ะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขออนุโมทนาสำหรับทุกๆ ท่านครับ ไม่ใช่เรื่องง่ายครับที่เด็กๆ จะมีความสนใจในเรื่องธรรมะ จะต้องเป็นการสั่งสอนจากญาติผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคง หรือไม่ก็เป็นปัญญาที่สะสมมาก่อน ขอเป็นกำลังใจ และอนุโมทนากับคุณ Namarupa ด้วยครับ
"ขอเพียงแต่ว่าอย่าประมาทในชีวิตก็แล้วกัน เพราะไม่มีใครที่สามารถจะรู้ได้เลยว่า เราจะตายจากกันวินาทีไหน วันไหน ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีความแน่นอน นอกเสียจากพระธรรมคำสอนเท่านั้น" คำพูดนี้ดิฉันเพิ่งพูดไปหยกๆ กับน้องเนส ตอนเวลาประมาณตี ๑ เศษๆ พอมาตอนเช้าประมาณสัก ๑๐ โมงเช้า สามีเรียกให้มารับโทรศัพท์คนที่โทรมาเป็นเลขาเพื่อนสนิทของสามี เค้าบอกว่าคุณ Raymond เพื่อนได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อเช้านี้ ตอนนี้อยู่ที่ร.พ.กรุงเทพฯ เรา ๒ คนก็งงๆ อยู่พักใหญ่ เพราะเพิ่งคุยกันไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง เพื่อนผ่าตัดหัวใจไป ๒ ครั้ง กำลังจะเดินทางไปพักผ่อนที่ภูเก็ต แต่เมื่อถึงสนามบินดอนเมือง ก็หัวใจวายและสุดความสามารถของแพทย์ที่จะช่วยเหลือไว้ได้
นี่ก็แสดงให้เห็นถึงพระปัญญาคุณของพระพุทธองค์ ที่ได้ทรงค้นพบความจริงของชีวิต ว่าไม่มีใครเลยที่จะอยู่ค้ำฟ้า เมื่อมีเกิดแล้วก็ต้องมีดับเป็นธรรมดา ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าเลยว่าจะไปเมื่อไร
เมื่อเราเข้าไปเยี่ยมคารวะศพ เรา ๒ คน มีจิตที่สงบ ไม่ได้เสียใจอะไรมากมายทั้งๆ ที่เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนที่นับว่าสนิทมากคนหนึ่ง และเราก็สนทนาธรรมกันว่า เมื่อจุติจิตเกิด รูปก็เหมือนกับท่อนไม้อันแข็งทื่อ ไม่รับรู้สิ่งใดทั้งสิ้นในโลกนี้ และจิตก็ปฏิสนธิใหม่เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าไปเกิดที่ภพไหนภูมิไหน
ดังนั้น ขณะนี้ที่เรายังมีชีวิตเหลืออยู่ก็ควรเพียรที่จะกระทำแต่ความดี กุศลแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรที่จะประมาท เพราะสิ่งเดียวที่ทุกคนสามารถนำติดตัวไปได้และสะสมต่อๆ ไปในชาติหน้าก็คือ กุศลและอกุศลเท่านั้น
ขอถวายความนอบน้อม แด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธพระองค์นั้น ที่ได้ทรงพระเมตตาแสดงถึงความจริงของชีวิตแก่สาธุชนทั้งหลาย.........
การตายพรากทุกสิ่งจากชาตินี้ไปหมดสิ้น ไม่มีอะไรเหลือเป็นของบุคคลนี้อีกต่อไป แม้แต่ความทรงจำ ชาตินี้เกิดมาแล้ว จำได้ไหมว่า.. ชาติก่อนเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำอะไร หมดความเป็นบุคคลในชาติก่อนโดยสิ้นเชิง ฉันใด แม้ในชาตินี้จะได้สร้างบุญ ทำกรรมใดมาแล้ว มีมานะในชาติ ตระกูล ยศศักดิ์ใดๆ ก็ตาม หมดสิ้นไม่มีเยื่อใยในชาตินี้ภพนี้ เหลืออยู่อีกเลย ฉันนั้น
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ใครๆ รู้ไม่ได้ ทั้งลำบาก ทั้งน้อย และประกอบด้วยทุกข์ สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดแล้ว จะไม่ตายด้วยความพยายามอันใด ความพยายามอันนั้นไม่มีเลย แม้อยู่ได้ถึงชราก็ต้องตาย เพราะสัตว์ทั้งหลายมีอย่างนี้เป็นธรรมดา ผลไม้สุกงอมแล้ว ชื่อว่าย่อมมีภัยเพราะจะต้องร่วงหล่นไปในเวลาเช้า ฉันใด
เมื่อพูดกันถึงผู้ตาย ก็ควรจะได้ระลึกถึงสภาพจิตในขณะนั้นว่าแยบคายหรือยัง แทนที่จะโศกเศร้าเสียใจ ก็ควรจะเป็นความเบิกบานในพระธรรม ที่ได้เข้าใจความจริงอันเป็นสัจจธรรม ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง ธรรมดาของการ เกิด ต้องมีการตาย เมื่อเกิดแล้วที่จะไม่ตาย ไม่มี การตายนั้นก็ไม่สามารถจะรู้ล่วงหน้าได้เลย เมื่อเข้าใจความจริง ก็รู้ว่าความจริงเป็นสัจจธรรม
ไม่มีประโยชน์เลย เพราะเป็นความงมงาย ควรจะภูมิใจในความสามารถของตนเองนะครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ