[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ 428
มัจจาผู้ที่มาเกิดแล้ว จำจะต้องตายใน โลกนี้ ย่อมทำกรรมอันใดไว้ คือ บุญและบาปทั้งสองประการ บุญและบาปนั้นแล บาปทั้งสองประการ บุญและบาปนั้นแล และบาปนั้นไป อนึ่ง บุญและบาปนั้นย่อม เป็นของติดตามเขาไปประดุจเงา ติดตามตนไป ฉะนั้น. เพราะฉะนั้น บุคคลพึงทำกัลยาณกรรม สะสมไว้เป็นสมบัติในปรโลก ด้วยว่า บุญ ทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย ในปรโลก
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 498
[๓๙๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ คำร้อยแก้วนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสพระคาถาคำร้อยกรองต่อไปอีกว่า ข้าวเปลือก ทรัพย์ เงินทอง หรือ ข้าวของ ที่หวงแหนอย่างใดอย่างหนึ่งมีอยู่ ทาส กรรมกร คนใช้ และผู้อาศัยของเขา พึงพาเอาไปไม่ได้ทั้งหมด จะต้องละทิ้งไว้ ทั้งหมด. ก็บุคคลทำกรรมใด ด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ กรรมนั่นแหละ เป็นของๆ เขา และเขาย่อมพาเอากรรมนั้นไป อนึ่งกรรมนั้นย่อมติดตามเขาไป เหมือนเงา ติดตามตน ฉะนั้น เพราะฉะนั้น บุคคล ควรทำกรรมดีสั่งสมไว้สำหรับภายหน้า บุญทั้งหลาย ย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย ในปรโลก
จบ ทุติยาปุตตกสูตร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น