ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สรุปสาระสำคัญ
ของการสนทนาพิเศษ เรื่อง
"พระพุทธศาสนาในประเทศไทย"
ที่บ้านคุณทักษพล -คุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๐
~ ผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมวินัยก็ไม่หยุดที่จะกล่าวถึงพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง เพื่อค่อยๆ พยุงคนที่สามารถเข้าใจได้ ให้มีความเข้าใจที่มั่นคงขึ้น
~ คฤหัสถ์กราบไหว้พระภิกษุ ไม่ใช่เพราะว่าพระภิกษุมาทำครัวทำอาหารเลี้ยงชาวบ้าน แต่ต้องเพราะเหตุว่าศึกษาสิ่งซึ่งยาก และการขัดเกลากิเลสก็ต้องยากในเพศบรรพชิตด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าภิกษุใดประพฤติตามพระวินัยครบถ้วน คฤหัสถ์ก็กราบไหว้บูชา แล้วคฤหัสถ์นั้นต้องการให้ภิกษุอย่างนั้น มาปรุงอาหารให้ตนหรือเปล่า?
~ บวชโดยไม่เข้าใจพระธรรมวินัย ดีไหม?
~ เมื่อเป็นพระภิกษุแล้ว กาย วาจา ต้องคล้อยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระภิกษุจะต้องไม่ลืมว่าจะต้องขัดเกลากิเลส ที่สำคัญที่สุด คือ บวชเพื่อที่จะได้ขัดเกลากิเลส โดยการเข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น เพศของบรรพชิต จึงแตกต่างไปจากเพศคฤหัสถ์อย่างสิ้นเชิง
~ ถ้าไม่เข้าใจพระธรรม ขัดเกลากิเลสไม่ได้
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรม เป็นภิกษุหรือเปล่า?
~ พระภิกษุท่านทำกิจของท่าน และคฤหัสถ์ทั้งหลายก็ทำกิจของคฤหัสถ์
~ ถ้าพระภิกษุจะสงเคราะห์ชาวบ้าน เอาสิ่งของนั้นมาจากไหน? เงิน เริ่มมาแล้ว เป็นจุดเริ่มต้นที่มองไม่เห็น เป็นอาบัติ (การล่วงละเมิดพระวินัย) ที่ค่อยๆ ลุกลามไปสู่อาบัติใหญ่
~ น้ำท่วม ไม่ใช่จะเป็นทุกข์เฉพาะแต่คฤหัสถ์ ทุกคนเป็นทุกข์หมด แม้พระภิกษุก็เป็นทุกข์ และพระภิกษุยังไม่มีอะไรด้วย แต่คฤหัสถ์ยังแสวงหาได้ แต่พระภิกษุทำอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะผลักภาระไปให้ภิกษุให้ท่านมาทำครัวปรุงอาหารหรือว่าให้อาหารแก่ชาวบ้าน (กิจเหล่านั้น ก็ควรจะเป็นกิจของคฤหัสถ์)
~ ถ้าใครเป็นภิกษุจริงๆ แม้อาบัติเบาอย่างทุกกฏ (คือ การกระทำที่ผิด เป็นการกระทำที่ไม่ดี เนื่องจากไม่ได้น้อมประพฤติตามพระดำรัสที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ เป็นการกระทำที่แย้งต่อกุศลธรรม เป็นการกระทำที่พลาด เพราะไม่สามารถย่างขึ้นสู่ข้อปฏิบัติที่ให้ถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้) ท่านก็ไม่ล่วงละเมิด
~ สิ่งที่ทุกคนลืม คือ ลืมภัยในสังสารวัฏฏ์ คิดแค่ภัยปัจจุบันเล็กๆ น้อยๆ แต่ว่าไม่มีวันจบสิ้น ถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรม
~ การเป็นภิกษุ ยากไหม?
~ การเป็นภิกษุ ก็ต้องเป็นภิกษุจริงๆ
~ ภิกษุ กับ คฤหัสถ์ ต่างกันโดยตลอด
~ ใจอยากมี (สิ่งนั้นสิ่งนี้) ก็ไม่สงบแล้ว
~ ความเข้าใจธรรม นำไปสู่กุศลทุกประการ ซึ่งคฤหัสถ์ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้นในเพศของคฤหัสถ์ที่จะอนุเคราะห์พระพุทธศาสนาได้ ในขณะเดียวกันฝ่ายพระภิกษุที่เข้าใจ ก็ทำกิจของพระภิกษุเพิ่มขึ้นด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น จึงมีพุทธบริษัทที่เป็นพระภิกษุและอุบาสกอุบาสิกา
~ ภิกษุมีหน้าที่ละ ไม่ได้ต้องการอะไรเลยทั้งสิ้น แม้แต่การที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจธรรม ก็คือ ละความติดข้อง ไม่ได้หวังอะไรเป็นเครื่องตอบแทนเลยทั้งสิ้น
~ ถ้าสำนึกว่าเป็นบรรพชิต ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยบัญญัติทุกข้อ เห็นอาบัติเล็กน้อยว่าเป็นโทษที่จะนำไปสู่อาบัติใหญ่
~ ก่อนบวชสำคัญที่สุด ว่า เข้าใจพระธรรมหรือเปล่า?
~ ถ้าอะไรที่เป็นไปเพื่อไม่ใช่ความสงบ นั่น ไม่ใช่ชีวิตของบรรพชิต
~ คนที่ไม่เข้าใจธรรม เป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนา และ คนที่จะรักษาพระธรรมวินัยไว้ได้ คือ ผู้ที่เห็นคุณค่าสูงสุดของพระธรรมวินัย
~ ศึกษาธรรมเพื่อขัดเกลากิเลส เห็นโทษเห็นภัยของสังสารวัฏฏ์ และการที่จะเข้าใจธรรม ไม่ง่าย ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ถ้าใช้เวลาทั้งหมดที่มีในชีวิต เพื่อที่จะได้ศึกษาพระธรรมซึ่งยากที่จะเข้าใจซึ่งสามารถที่จะช่วยให้คนอื่นได้ค่อยๆ พิจารณาได้ค่อยๆ เข้าใจถูกต้อง นั่น เป็นกิจของพระภิกษุโดยตรง
~ แทนที่จะยินดีในพฤติกรรมของภิกษุอย่างคฤหัสถ์ คือ ทำทุกอย่างช่วยชาวบ้าน เช่น ทำครัวหรือว่าเกี่ยวข้าวช่วยชาวบ้าน เป็นต้น คฤหัสถ์น่าจะอนุโมทนายินดีที่ภิกษุไม่กระทำสิ่งนั้นและประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย แต่เพราะไม่เข้าใจคุณค่าของการเป็นพระภิกษุในธรรมวินัย จึงเข้าใจผิดว่าสมควรอย่างยิ่งที่พระภิกษุควรจะทำกิจอย่างคฤหัสถ์
~ พระภิกษุ คือ ใคร? พระภิกษุ คือ ผู้สละ คำนี้คำเดียวตลอดชีวิต ไม่ใช่มา สละเพศคฤหัสถ์แล้วยังอยากจะมีชีวิตเหมือนอย่างคฤหัสถ์ นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ตรงกับการที่บวชเป็นพระภิกษุ
~ ถ้าสละชีวิตทางโลกอย่างคฤหัสถ์แล้ว จะอยากอะไร นอกจากเข้าใจพระธรรมซึ่งอาศัยการได้ยินได้ฟังไตร่ตรองและเป็นผู้ที่ตรง ที่รู้ว่าถ้าจะเป็นพระภิกษุก็ต้องสละความประพฤติทั้งหมดที่เคยกระทำในเพศคฤหัสถ์ ไม่ใช่ไปอยากเป็นเหมือนอย่างคฤหัสถ์อีกที่เขาสามารถที่จะทำสิ่งต่างๆ ได้
~ ต้องเห็นความต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างภิกษุกับคฤหัสถ์ มิฉะนั้นไม่มีความต่างกันเลย เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นความต่างอย่างชัดเจน พระภิกษุดำเนินชีวิตอย่างบรรพชิต คฤหัสถ์อนุเคราะห์โดยการถวายปัจจัย (เครื่องอาศัยให้ชีวิตเป็นไป) ที่จะทำให้ท่านสามารถดำรงอยู่ในเพศบรรพชิตได้ ในขณะเดียวกันพระภิกษุก็ต้องสำนึกตนเองว่าเราไม่ใช่คฤหัสถ์
~ ก่อนที่จะได้ฟังพระธรรม ไม่มีความรู้อะไรเลยทั้งสิ้นในสิ่งที่มีจริงในชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย และจะไม่รู้อย่างนั้นไปตลอด ไม่มีใครที่จะสามารถให้ความจริงให้ความเข้าใจได้เลย แต่อานุภาพของธรรม (ธรรมเตชะ, ธรรมเดช) แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้เกิดสิ่งที่ไม่เคยเกิดในสังสารวัฏฏ์ คือ ความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มี และ รู้ว่าผู้ที่สามารถรู้ความจริงที่จะทรงสามารถแสดงความจริงนี้ได้ คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสัจจวาจา เพราะฉะนั้น คำที่เรากล่าว เราไม่ได้คิดเอง แต่เราได้ศึกษาแล้ว ฟังแล้ว เข้าใจแล้ว เพราะฉะนั้น ก็สามารถที่จะรู้ว่าสัจจวาจาของพระองค์ ใครจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนวาจาของความจริงได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เห็นคุณของการที่จะได้พ้นจากความไม่รู้และความเข้าใจผิดคิดไปต่างๆ นานาด้วยตนเอง ก็ควรที่จะเริ่มศึกษาแล้วก็เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการเข้าใจพระธรรม.
ขอเชิญคลิกฟังบางช่วงบางตอนได้ที่นี่ครับ
ไม่หยุดที่จะกล่าวพระธรรมวินัย
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
และ อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมบูชา พระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง ที่ท่านได้เพียร อบรมสั่งสอนแม้ผู้ที่ท่านไม่เคยรู้จัก ด้วยสำนึกในกรุณาคุณมานับสิบปี ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผม นายอรุณ ประวาลปัทม์ ขอน้อมกราบ อนุโมทนาด้วยความระลึกในกรุณาอย่างสูง มา ณ ที่นี้ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าในความมีเมตตาความอดทนอย่างยิ่งของท่านอาจารย์สุจินต์ที่จะดำรงพระพุทธศาสนาไว้ค่ะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
กราบอนุโมทนาคุณทักษพลและคุณจริยา เจียมวิจิตร เอื้อเฟิ้อสถานที่ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ