เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
"กายมุทุตาและจิตตมุทุตา" ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยกรุณาให้อรรถาธิบายเกี่ยวกับคำนี้ด้วยครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กายมุทุตา เป็นเจตสิกที่อ่อนโยน ทำให้เจตสิกทั้งหลายที่เกิดร่วมด้วยไม่หยาบกระด้าง จิตตมุทุตา เป็นเจตสิกที่ทำให้จิตที่เกิดร่วมด้วยอ่อนโยนไม่หยาบกระด้าง (กายมุทุตา และ จิตตมุทุตา เป็นเจตสิกที่ตรงกันข้ามกับทิฏฐิเจตสิก และมานเจตสิก)
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีความละเอียดลึกซึ้ง แสดงถึงสภาพธรรมที่มีจริง ทุกอย่างทุกประการ ตามความเป็นจริง พยัญชนะที่ทรงใช้ในการประกาศสัจจธรรมนั้น ก็ตรงตามความเป็นจริงของสภาพธรรม ไม่เหลือให้สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว สําคัญคือความเข้าใจถูก เห็นถูกของผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริง
กายมุทุตา และ จิตตมุทุตา เป็น โสภณสาธารณเจตสิก อีก ๑ คู่ ที่จะต้องเกิดร่วมกับจิตที่ดีงามทุกประเภท คือ เกิดร่วมกับจิตชาติกุศลก็ได้ ชาติวิบากก็ได้ ชาติกิริยาก็ได้ ตามสมควรแก่โสภณจิตนั้นๆ แต่จะไม่เกิดร่วมกับจิตชาติอกุศลเลย นี้คือความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น โดยที่กายมุทุตาเป็นเจตสิกที่ทำให้เจตสิกที่เกิดร่วมด้วย อ่อน สงบระงับความหยาบกระด้าง จึงไม่หยาบกระด้างเหมือนอกุศล และ จิตตมุทุตา เป็นเจตสิกที่ทำให้จิตที่เกิดร่วมด้วย อ่อน สงบระงับความหยาบกระด้าง จึงไม่หยาบกระด้างเหมือนอกุศล ครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
เมื่อใดอกุศลเกิด จึง "หยาบกระด้าง" หรือ มีกำลังจนถึงขั้น "หยาบคาย" เสมอ แต่ถ้าเป็นกุศลจะไม่มีความกระด้างอะไรเลยทั้งสิ้น มีแต่ความ "อ่อนโยน" ครับ. กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่านเป็นอย่างสูง ครับ.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ