สอบถามท่านผู้รู้ทุกท่านครับ,
1. การที่สัตว์ฆ่าสัตว์อื่นโดยสัญชาตญาณ เช่น เสือต้องฆ่ากวางเพื่อกินเป็นอาหาร งูต้องกินสัตว์อื่นเป็นอาหาร หรือคางคกต้องกินแมลง เช่นนี้ถือว่าสัตว์เหล่านี้กำลังทำบาปใหม่ใช่หรือไม่ครับ?
2. และถ้าเป็นบาปใหม่อยู่เรื่อยๆ ตลอดชีวิต แบบนี้จะเป็นวงจรแบบ 'งูกินหาง' ไปเรื่อยๆ ทำให้จิตที่ไปเกิดเป็นสัตว์กินเนื้อเหล่านี้ แทบจะไม่มีช่องทางหรือโอกาส ในการเกิดในสุคติภูมิที่สูงกว่าเดิมได้เลยใช่ไหมครับ?
3. แล้วกรณีที่หลายครั้งพระโพธิสัตว์ที่กำลังบำเพ็ญ ได้ไปเสวยพระชาติเป็นสัตว์กินเนื้อ แบบนี้ท่านจะเว้นเนื้อทุกชาติเสมอไปหรือเปล่าครับ? หรือว่าท่านก็ยังทำปาณาติบาตไปด้วยในตอนบำเพ็ญ
กราบอนุโมทนาและขอบพระคุณท่านผู้รู้ทุกท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเป็นจริงของธรรม คือ เป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน การฆ่า ไม่ว่าจะเป็นใครที่ทำ จะเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ฆ่า เป็นมนุษย์ ฆ่า ก็คือ การฆ่า เป็นการทำอกุศลกรรม เป็นการยังชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป เป็นเรื่องของอกุศล ไม่ใช่ธรรมฝ่ายดีเลย เมื่อกรรมชั่วนั้น ถึงคราวให้ผล ก็ย่อมให้ผลเป็นผลที่ไม่ดีเท่านั้น มีทำให้เกิดในอบายภูมิ เป็นต้น แต่สังสารวัฏฏ์ ยาวนานมาก เกิดมานับชาติไม่ถ้วน ถ้าหากว่าได้ทำดีบ้าง ก็ยังมีโอกาสที่กรรมดีที่ได้ทำ จะให้ผลได้ ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น
เวลาอ่านในพระไตรปิฎก โดยเฉพาะในชาดก ก็จะพบว่า ในบางพระชาติ พระโพธิสัตว์เคยเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เช่น บางพระชาติเกิดเป็นนก บางพระชาติเกิดเป็นหนู จะเห็นได้ว่า ในชาตินั้นๆ พระองค์ ก็เคยฆ่าสัตว์อื่น ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่า ฆ่า ก็คือ ฆ่า ไม่ได้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น แสดงให้เห็นเลยว่า ตราบใดที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสได้ ก็ยังมีเหตุปัจจัยให้กระทำอกุศลกรรมประการต่างๆ ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งพระโพธิสัตว์ แต่พระองค์ ก็ได้สะสมคุณความดีประการต่างๆ ซึ่งไม่ได้ปะปนกันกับขณะที่เป็นอกุศล เป็นคนละส่วนกัน ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
สาธุ แจ่มแจ้งครับ
ขออนุโมทนาครับ