ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรื่องชีวิตประจำวันอีกเรื่องหนึ่งนะคะซึ่งก็จะเกื้อกูลท่านผู้ฟัง ให้เป็นผู้ที่อบรมเจริญปัญญายิ่งขึ้น
ข้อความใน อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เสวิสูตร ข้อ ๔๖๕ มีข้อความว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก๓ จำพวก เป็นไฉน คือ ๑. บุคคลที่ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้ มีอยู่ ๒. บุคคลที่ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้ มีอยู่ ๓. บุคคลที่จะต้องสักการะ เคารพ แล้วจึงเสพ คบหา เข้าไปนั่งใกล้ มีอยู่ ดูกร ภิกษุทั้งหลายก็บุคคล ที่ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้ เป็นไฉนบุคคล ในโลกนี้ บางคน เป็นคนเลว โดย ศีล สมาธิ ปัญญาไม่ใช่เฉพาะ ไม่ใช่เฉพาะโดยศีล แต่เป็นคนเลวโดยศีล สมาธิ ปัญญาบุคคล เห็นปานนี้ ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้นอกจาก เอ็นดู อนุเคราะห์แก่กัน
ดูกร ภิกษุทั้งหลายก็บุคคล ที่ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้ เป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เช่นเดียวกับตนโดยศีล สมาธิ ปัญญาบุคคล เห็นปานนี้ ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้ ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะการสนทนาปรารภศีล จักมีแก่พวกเรา ผู้เป็นคน เสมอกัน โดยศีลด้วยการสนทนาของพวกเรานั้น จักเป็นถ้อยคำเป็นไปด้วย และจักเป็นความสำราญ ของเราด้วย
การสนทนาปรารภสมาธิ จักมีแก่พวกเราผู้เป็นคนเสมอกัน โดยสมาธิด้วยการสนทนาของเรานั้น จักเป็นถ้อยคำเป็นไปด้วยและจักเป็นความสำราญ ของเราด้วย การสนทนาปรารภปัญญา จักมีแก่พวกเราผู้เป็นคนเสมอกัน โดยปัญญาด้วยการสนทนาของเรานั้น จักเป็นถ้อยคำเป็นไปด้วยและจักเป็นความสำราญ ของเราด้วย ฉะนั้น บุคคลเห็นปานนี้ จึงควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคล ที่จะต้องสักการะ เคารพ แล้วจึงเสพ คบหา เข้าไปนั่งใกล้เป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ยิ่ง โดยศีล สมาธิ ปัญญาบุคคล เห็นปานนี้ จักต้องสักการะ เคารพ แล้วจึงเสพคบหา เข้าไปนั่งใกล้ ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะอาการเช่นนี้ จักบำเพ็ญศีลขันธ์ ที่ยังไม่บริบูรณ์ ให้บริบูรณ์หรือ จักอนุเคราะห์ ศีลขันธ์ ที่บริบูรณ์ ด้วยปัญญา ในที่นั้นๆ จักบำเพ็ญสมาธิขันธ์ ที่ยังไม่บริบูรณ์ ให้บริบูรณ์หรือ จักอนุเคราะห์ สมาธิขันธ์ ที่บริบูรณ์ ด้วยปัญญา ในที่นั้นๆ .จักบำเพ็ญปัญญาขันธ์ ที่ยังไม่บริบูรณ์ ให้บริบูรณ์หรือ จักอนุเคราะห์ ปัญญาขันธ์ ที่บริบูรณ์ ด้วยปัญญา ในที่นั้นๆ ฉะนั้น บุคคล เห็นปานนี้ จึงควรสักการะ เคารพ แล้วเสพ คบหา เข้าไปนั่งใกล้
ดูกร ภิกษุทั้งหลายบุคคล ๓ จำพวก นี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
ครั้น พระผู้มีพระภาคศาสดา ตรัสไวยากรณภาษิต จบลงแล้วจึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ ต่อไปอีกว่า บุคคล คบคนเลว ย่อมเลวลงคบคนที่เสมอกัน ย่อมไม่เสื่อม ในกาลไหนๆ คบคนที่สูงกว่า ย่อมพลันเด่นขึ้นฉะนั้น จึงควรคบคนที่สูงกว่าตน ดังนี้
จบ สูตรที่ ๖
เรื่องของการเจริญสติปัฏฐานหรือเปล่าคะ ศีล ที่ยังไม่บริบูรณ์ก็จะได้บริบูรณ์ขึ้น.สมาธิ ที่ยังไม่บริบูรณ์ ก็จะได้บริบูรณ์ขึ้น ปัญญา ที่ยังไม่บริบูรณ์ ก็จะได้บริบูรณ์ขึ้น จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะให้บริบูรณ์ทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา
แนวทางเจริญวิปัสสนาบรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ถอดเทปโดย คุณย่าสวน สุจริตกุล
ขออนุโมทนา
เพราะอาการเช่นนี้ จักบำเพ็ญศีลขันธ์ ที่ยังไม่บริบูรณ์ ให้บริบูรณ์หรือ จักอนุเคราะห์ ศีลขันธ์ ที่บริบูรณ์ ด้วยปัญญา ในที่นั้นๆ .จักบำเพ็ญสมาธิขันธ์ ที่ยังไม่บริบูรณ์ ให้บริบูรณ์หรือ จักอนุเคราะห์ สมาธิขันธ์ ที่บริบูรณ์ ด้วยปัญญา ในที่นั้นๆ .จักบำเพ็ญปัญญาขันธ์ ที่ยังไม่บริบูรณ์ ให้บริบูรณ์หรือ จักอนุเคราะห์ ปัญญาขันธ์ ที่บริบูรณ์ ด้วยปัญญา ในที่นั้นๆ
จากข้อความเบื้องต้นนี้ขอเรียนถามว่าคำว่า "บริบูรณ์" ในที่นี้ ท่านหมายถึง บริบูรณ์ด้วยปัญญาขั้นสูงสุด คือ โลกุตตรปัญญาใช่ไหมคะ คือ ทั้งศีล และ สมาธิ ต้องประกอบด้วยปัญญาขั้นสูงสุด จึงจะบริบูรณ์ ใช่ไหมคะ และปัญญาที่ยังไม่บริบูรณ์ เช่น ปัญญาขั้นฟัง พิจารณา ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมก็จะบริบูรณ์ได้ เมื่อเป็นปัญญาขั้นสูงสุด ใช่ไหมคะ
ขอบพระคุณ และ อนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ