ผมเคยฟังอาจารย์ บอกว่า "ถ้าไม่ชอบ ไม่จำ ไม่ติดข้อง จะดีกว่าไหม" ตอนนี้ผมก็เลยพยายาม ไม่ชอบ ไม่รู้สึก กับสิ่งต่างๆ ที่ได้พบเจออยู่ครับ การทำอย่างนี้ เป็นการฝืน ไม่ควรทำ (เพราะยังมีตัวเราที่ไปทำ ไปบังคับให้ไม่รู้สึก) หรือ สิ่งที่ผมทำอยู่ ถูกแล้ว ทำต่อไป (เพราะทำไปด้วยปัญญา จากการที่ได้ฟังมาครับ)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การแสดงความจริงว่าไม่ชอบ ไม่ติดข้องดีกว่า เป็นการแสดงความจริงว่า กุศล ย่อมดีกว่า อกุศล แต่ไม่ได้เป็นความหมาย ให้ทำไม่ติดข้อง ให้ทำไม่ชอบ ไปทำให้กุศลเกิด เพราะ ลืมคำว่าอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้เลย เพราะเป็นไปตามเหตุปัจจัย นั่นเป็นหนทางผิด เพราะ หนทางที่ถูก คือ การเข้าใจสิ่งที่เกิดแล้วว่า คืออะไร นั่นคือ อกุศล กิเลส โลภะ โทสะและสภาพธรรมที่เกิด ไม่ใช่เราที่ติดข้อง ไม่ใช่เราที่ชอบ แต่เป็นธรรมไม่ใช่เรา การค่อยๆ เข้าใจเช่นนี้ ที่ค่อยๆ เข้าใจถูกว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เป็นหนทางละกิเลส เพราะเป็นหนทางด้วยปัญญาที่เข้าใจความจริง ไม่ใช่หนทางด้วยความเป็นเรา ที่จะทำ จะละ และไม่รู้ว่า ละอันดับแรก คือ ละความเป็นเรา ด้วยปัญญา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เหตุย่อมสมควรแก่ผล สำคัญที่ความเข้าใจความจริง เมื่อปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ก็ค่อยๆ ขัดเกลาสิ่งที่ไม่ดีไปตามลำดับคล้อยตามความเจริญขึ้นของปัญญา ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ชีวิตประจำวันเป็นธรรม การที่จะเข้าใจธรรมก็เข้าใจสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ความติดข้อง (โลภะ) มีจริง เกิดขึ้นเป็นไป ปัญญาสามารถเข้าใจถูกในความเป็นจริงของโลภะได้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นแล้ว จึงต้องฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาต่อไป ครับ
..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ