ประเด็นสนทนาธรรมที่มูลนิธิวันนี้ช่วงเช้า คำถามจากคุณพี่สุกัญญา เข้าใจอย่างนี้ตรงไหมคะ? การกระทำที่ไม่ได้ล่วงกรรมบถ ก็มีเจตนาเจตสิกเกิดประกอบด้วย เจตนานั้นภายหลังไม่เป็น นานักขณิกกัมมปัจจัย ให้เกิดวิบากใช่ไหมคะ คงเป็นแค่การสะสมอุปนิสัยเท่านั้นหรือเปล่าคะ
ปัจจัยเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ผมขอแสดงความเห็นตามที่ได้ศึกษามา หากมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนประการใด ขอท่านผู้รู้ได้โปรดแก้ไขครับ เจตนาเจตสิกที่เกิดกับจิตทุกประเภทล้วนเป็นสหชาตกรรมปัจจัย ส่วนเจตนาเจตสิกที่เกิดร่วมกับกุศลจิตและอกุศลจิตนั้นนอกจากจะเป็นสหชตกรรมปัจจัยแล้ว ยังเป็นนานักขณิกกัมปัจจัยด้วย การให้ผลของนานักขณิกกัมปัจจัยนั้น หากเป็นกรรมบถจะให้ผลได้ในปฏิสนธิกาลและใน ปวัตติกาล แต่ถ้าหากไม่ครบองค์กรรมบถจะให้ผลได้ในปวัตติกาลเท่านั้น อกุศลจิตและกามาวจรกุศลจิตเมื่อเกิดขึ้นทำกิจแล้ว ไม่ว่าจะครบองค์กรรมบถหรือไม่ก็จะสะสมอุปนิสัยทั้งสิ้น
ขอเชิญท่านผู้รู้แสดงธรรมครับ
เจตนาเจตสิก เป็นสัพพสาธารณเจตสิก เกิดกับจิตทุกดวง เจตนาเจตสิกที่เกิดกับกุศลจิตหรืออกุศลจิต เป็นเจตนาฝ่ายเหตุ ย่อมมีผล ทั้งผลในขณะนำเกิด และให้ผลปวัตกาลคือ เว้นขณะจุติและปฏิสนธิ ถ้าไม่ล่วงเป็นกรรมที่มีกำลัง เป็นเพียงกุศลหรืออกุศลจิต ก็สะสมเป็นอุปนิสัย เจตนาที่เกิดกับวิบากจิต เป็นฝ่ายผล เป็นปัจจัยแก่สภาพธรรมที่เกิดพร้อมกับตน
เห็นด้วยกับ สมาชิก K ค่ะ เรื่องปัจจัยเป็นเรื่องยากและละเอียดจริงๆ ผิดพลาดประการใด ขอความอนุเคราะห์ด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เรียนเพิ่มเติมครับ เจตนาเจตสิกที่เกิดกับจิตทุกดวงเป็นสหชาตกัมมปัจจัย ส่วนเจตนาเจตสิกที่เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยคือ ให้ผลในขณะต่อไป ซึ่งเจตนาที่เกิดกับอกุศลกรรมหรือกุศลกรรมที่ทำแล้ว ยังไม่เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยตราบใดที่วิบากจิตยังไม่เกิด เพราะผลยังไม่เกิดจะเป็นปัจจัยโดยนานักขณิกกัมมปัจจัยไม่ได้ครับ แต่เมื่อวิบากจิตเกิดขึ้นเพราะอกุศลหรืออกุศลกรรมที่ประกอบด้วยเจตนานั้นเกิดขึ้น เมื่อนั้น เจตนานั้นจึงเป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยครับ สรุปคือ ผลต้องเกิดก่อน เจตนานั้นจึงเป็นนานักขณิกกัมมปัจจัย ตราบใดที่ผลคือ วิบากจิตยังไม่เกิดขึ้น เจตนานั้นแม้จะทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมไปแล้วตราบใดผลยังไม่เกิด ยังไม่ถือว่าเจตนานั้นเป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยครับ
การกระทำที่ไม่ได้ล่วงกรรมบถ ก็มีเจตนาเจตสิกเกิดประกอบด้วย เจตนานั้นภายหลังไม่เป็น นานักขณิกกัมมปัจจัยให้เกิดวิบากใช่ไหมคะ คงเป็นแค่การสะสมอุปนิสัยเท่านั้นหรือเปล่าคะ.....
ควรพิจารณาการกระทำที่ไม่ล่วงกรรมบถด้วยครับ เพราะกรรมบางอย่างถึงไม่ครบกรรมบถแต่ก็ให้ผลในขณะที่เกิดแล้ว ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ไม่ให้ผลนำเกิด และบางอย่างก็สะสมเป็นอุปนิสัยเท่านั้น โดยไม่ให้ผลที่เป็นวิบากเลย เช่น คิดโกรธในใจมีเจตนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย เจตนานั้นเป็นสหชาตกัมมปัจจัยแต่ไม่เป็นนานักขณิกกัมมปัจัย (ให้ผลในขณะต่อไป) เพราะไม่ให้เกิดวิบากแต่สะสมเป็นอุปนิสัย ส่วนกรรมบางอย่างที่ไม่ครบกรรมบถแต่ให้ผลในปวัตติกาลหลังจากที่เกิดแล้ว เจตนานั้นยังไม่เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยตราบใดที่วิบากยังไม่เกิดขึ้น เมื่อวิบากหรือผลเกิดขึ้นเมื่อไหร่เจตนานั้นเองจึงจะเป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยครับ
ขออนุโมทนา ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ฟังด้วยคน
ขออนุโมทนาครับ
เพื่อประโยชน์ในการศึกษาความละเอียดเรื่องการให้ผลของอกุศลกรรม ผมขอยกพระสูตรที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า ในอดีตชาติทรงมีโสมนัสที่เห็นชาวประมงฆ่าปลา ด้วยเหตุนั้นได้ทรงเสวยทุกข์ในอบาย และในอัตภาพสุดท้ายได้เสวยความเจ็บป่วยที่ศรีษะ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๑ - หน้าที่ ๒๓๑-๒๓๒ เราเป็นลูกชาวประมงในหมู่บ้านชาวประมง เห็นปลาทั้งหลายถูกฆ่า ได้ยังความโสมนัสดีใจให้เกิดขึ้น. เพราะวิบากของกรรมนั้น ความทุกข์ที่ศีรษะได้มีแก่เราแล้ว ในคราวที่เจ้าวิฑูฑภะฆ่าสัตว์ทั้งหมด (คือเจ้าศากยะ) แล้ว.
พระธรรมละเอียดลึกซึ้ง ยากที่คนในยุคนี้จะรู้ตามได้ทั่ว การสนทนาถามตอบกันจึงมีประโยชน์ในการแก้ไขในส่วนที่ยังศึกษาไม่ถึง ขออนุโมทนาท่านผู้ตั้งคำถาม และขอขอบคุณและอนุโมทนาท่านผู้รู้ที่ได้กรุณาอธิบายครับ
ได้ตามอ่านและศึกษาด้วย
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขอเชิญฟังการสนทนาเรื่องพื้นฐานอภิธรรม
ที่มูลนิธิวันอาทิตย์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๔๔๑ เชิญคลิกฟังครับ
สหชาตกัมมปัจจัย
สหชาตและนานักขณิกกัมมปัจจัย ๑
สหชาตและนานักขณิกกัมมปัจจัย ๒
นานักขณิกกัมมปัจจัย ยังไม่เป็นปัจจัยจนกว่าผลจะเกิด
คิดในใจไม่เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัย ๑
คิดในใจไม่เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัย ๒ แค่หงุดหงิดในใจไม่เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัย
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาครับ
กัมมปัจจัยจำแนกออกได้เป็น ๒ ประเภทคือ สหชาตกัมมปัจจัย และ นานัก ขณิกกัมมปัจจัย โดยย่อดังนี้
1.เจตนาที่สัมปยุตตกับสหชาตธรรม เป็นปัจจัยช่วยอุปการะแก่นาม คือ จิต เจตสิก และแก่รูป ที่เกิดพร้อมกับเจตนานั้น ชื่อว่า สหชาตกัมมปัจจัย
2. เจตนาที่ต่างขณะกัน คือ เจตนานั้นหรือสหชาตกัมมนั้นได้ดับไปแล้ว เป็นปัจจัยช่วยอุปการะแก่นามและแก่รูปที่เกิดขึ้นในอนาคต โดยอาศัยอำนาจแห่งกรรมที่ดับไปแล้วนั้น ชื่อว่า นานักขณิกกัมมปัจจัย
เพราะฉะนั้น นานักขณิกกัมมปัจจัยจึงหมายถึงเจตนาที่เป็นกุศลและอกุศลเท่านั้นที่ดับไปแล้ว แต่มีอำนาจเป็นปัจจัยช่วยอุปการะให้เกิดวิบากและกัมมชรูปในอนาคต
- อนุโมทนาค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูง กระจ่างดีแล้ว............